วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

พระขุนแผนเคลือบ พิมพ์แขนอ่อน สำหรับคนชอบพระขุนแผน ต้องดูหลายๆแบบ ครับ

นี่ก็เป็นพระขุนแผนเคลือบอีกพิมพ์ทรงหนึ่งที่ งดงามด้วยพุทธลักษณะและพุทธคุณอันโดดเด่น สนใจติดต่อ 06-222-64845 คุณตี๋


พระขุนแผนพิมพ์ แขนอ่อนโดยส่วนมากพุธคุณจะโดดเด่น  ในเรื่อง  เมตตามหานิยมและมหาเสน่ห์ แต่ที่สำหรับตัวผมเองอาราธนาใช้แล้วส่วนมากมักจะพบกับประสบการณ์  ในด้านเมตตามหานิยมครับ  


{แต่ต้องเป็นพระกรุแท้ๆนะครับ}

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

The holy temple Lamphoon built about 1,200 years old, พระเปิมลำพูน ศักดิ์สิทธิ์ อายุการสร้างประมาณ 1,200 ปี

***...The holy temple Lamphoon... ก็คือ พระเปิมลำพูนนั่นเองครับ แต่พระ เปิม ที่ผมจะกล่าวในที่นี้ก็คือ พระเปิมลำพูน กรุวัดดอนแก้วนั่นเองครับ ขุดพบที่ จ.ลำพูน

พระเปิม กรุวัดดอนแก้ว จ.ลำพูน

พระเปิม กรุวัดดอนแก้ว จ.ลำพูน วัดนี้ตั้งอยู่ในตำบลเวียงยอง ที่ตั้งของอารามนี้อยู่ห่างจากประตูเมือง ทางทิศตะวันออก {ประตูท่าขุนนาง} ปัจจุบันเป็นวัดร้าง และเป็นที่ตั้งของโรงเรียน เทศบาลของเวียงยอง ซึ่งมีซากโบราณปรากฏอยู่ พระกรุกลุ่มนี้มีหลายพิมพ์ แต่เป็นที่นิยมกันมากก็คือ พระเปิมลำพูน นี่ล่ะครับ พระเปิมกรุ วัดดอนแก้ว จ.ลำพูน อายุการสร้างประมาณ 1,200 ปี ถ้าเราเปรียบเทียบอายุการสร้าง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ก็ถือว่า เป็นเวลาการสร้างที่ยาวนานมาก และเป็นปฏิมากรรมพระพุธรูปขนาดเล็กที่ย่อสัดส่วนได้อย่างสมบูรณ์และลงตัวที่สุด เมาะสำหรับการอาราธนาติดตัวไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมาะกับการเป็นที่สะสมของชาวล้านนามากในครั้งอดีต แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ได้เมาะแก่การสะสมบูชาเฉพาะแก่ชาวล้านนาเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ได้เมาะสม แก่การเช่าหาสะสมของชนทุกหมู่เหล่าที่ศรัทธาในองค์พระปฏิมากรรมของ พระเปิม ลำพูน อันเนื่องมาจากความงดงามในศิลปะ ความเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์การร้างที่ยาวนานและพุทธคุณอันเลิศ ในทุกๆด้าน แต่ส่วนมากจะโดดเด่นในด้านคงกระพันชาตรี
ถ้าเราย้อนรอยไปในอดีตการสร้างพระเครื่องของสกุลลำพูน แล้วล่ะก็?.. เราจะเข้าใจได้เองถึงความอลังการ การสร้างที่ยิ่งใหญ่มโหฬารมาก เพราะตามประวัติการสร้างพระเครื่องสกุลลำพูนนั้น  กษัตริย์  เป็นผู้สร้างพระเครื่อง  เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา  ตัวอย่างเช่น  พระนางจามเทวี วีระกษัตริย์ตรี  ก็เป็นประธานในการสร้างพระรอด  ลำพูน เป็นต้น

ฉะนั้นแล้วพระเครื่อง สกุลลำพูน จึงเป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่าที่เมาะแก่การสะสมเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้นี่เองที่คนชาว ลำพูน ถึงได้หวงแหนกันนักหนา แต่ในปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมของนักสะสมทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ไปซะแล้ว รวมทั้งชาวต่างชาติบางประเทศด้วยครับ lll...
เนื้อพระเครื่องสกุลลำพูนดูง่ายมากครับ ผมจะไม่ขออธิบายมากแต่จะเน้นให้ดูภาพเอง เพราะภาพที่นำมาลงโชว์นี้เป็นพระแท้ดูง่ายครับ จุดสังเกตุหลักให้ดูที่รอยนิ้วมือที่ใหญ่ และต้องมีรอยว่านยุบด้วย สุดท้ายเนื้อพระจะแกร่งมาก สามารถกรีดกระจกให้เป็นรอยลึกได้ องค์นี้ผ่านการทดลองแล้วครับ และสูตรสุดท้ายก็คือ ขอบปลีกด้านข้างของพระต้องมีรอยกัดแหว่งทุกองค์ เพราะความเก่าแก่ ถ้าไม่มีให้ทำความสงสัยไว้ก่อนว่า เป็นพระสร้างในยุคไหน สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านครับ

 



วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

พระขุนแผนเคลือบกรุ วัดบ้านกลิ้ง {พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย} สภาพสมบูรณ์มาก


***...พระขุนแผนเคลือบกรุ วัดบ้านกลิ้ง {พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย} สภาพสมบูรณ์พร้อมยังมีคราบกรุเกาะติดสมบูรณ์ หาชมได้ยากจึงอยากลงให้ชมที่บล็อกนี้ครับ..สใจติดต่อ 062-226-4845





พระขุนแผนเคลือบกรุ วัดบ้านกลิ้ง พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย ปิดทองเดิมๆมาจากกรุ

สภาพด้านหลังของพระขุนแผนเคลือบกรุ วัดบ้านกลิ้ง {พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย} พิมพ์นี้ก็มีความสวยงามไม่ด้อยไปกว่า  พิมพ์ใหญ่ฐานสูงเลยครับ ที่จริงแล้วพระเครื่องส่วนมากเมื่อแตกกรุออกมาใหม่ๆ คนส่วนมากก็มักจะนำพระเครื่องของตนไปล้างทำความสะอาดเพื่อความสะอาดและเป็นการรักษาเนื้อพระ ก่อนที่จะนำไปเก็บ หรือนำไปอัดกรอบเพื่อบูชา แล้วแต่ตามเจตนารมย์ของแต่ละบุคคลไป  แต่ถ้าลองจินตนาการไปถึงอนาคตแล้วพระขุนแผนกรุนี้ ถ้าเราต่างพากันล้างคราบกรุออกทุกองค์ทุกพิมพ์แล้ว เวลาคนรุ่นหลังจะศึกษาคราบกรุก็จะเป็นการศึกษาเข้าใจยากเพราะไม่เคยเห็นคราบกรุที่แท้จริงจากกรุ ฉะนั้นผมจึงไม่เอาพระบางส่วนของกรุนี้ล้างทำความสะอาดออกหมด จะเก็บไว้เพื่อศึกษาเป็นแนวทางสืบต่อไปในอนาคต เพราะคราบกรุ ของพระเครื่องแต่ละกรุจะไม่เหมือนกัน อันเนื่องมาจากหลายปัจจัย ที่ทำให้พระกรุแต่ละกรุ มีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น พระขุนแผนเคลือบกรุวัดใหญ่ชัยมงคล ทำไมองค์พระถึงดูเก่าแก่และสภาพไม่ค่อยสมบูรณ์ ข้อนี้ก็คือ สภาพของกรุวัดใหญ่ชัยมงคลมีนํ้าท่วมขังเป็นเวลานาน นํ้ามีอานุภาพในการทำลายอยู่แล้ว เมื่อพระกรุวัดใหญ่ถูกนํ้าท่วมขังสะสมมาเป็นเวลานาน จึงทำให้พระเคลื่องที่บรรจุภายในกรุไม่สวยงามและทำให้นํ้ายาที่เคลือบพระขุนแผนหลุดร่อนไปด้วย คราบที่ปรากฏขึ้นกับพระขุนแผนกรุวัดใหญ่จึงดูเก่าแก่ไม่สะอาดตา บ้างก็มีจุดเขียวที่เกิดขึ้นและติดแนบแน่นอยู่กับองค์พระขุนแผน จนไม่สามารถล้างออกได้ ถ้าล้างออกได้ ก็ทำให้ผิวพระเสียไป ดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกัน พระขุนแผนวัดใหญ่ที่ไม่ได้บรรจุกรุ แต่เก็บซ่อนไว้ใต้หลังคาโบสถ์ จะไม่มีคราบกรุปรากฏให้เห็นเลย แต่เป็นพิมพ์เดียวกันทุกประการ พระจึงแลดูสะอาดตาและสวยงามกว่าพระที่บรรจุอยู่ภายในกรุ {ฐานชุกชีพระประธาน} นี่ล่ะครับเป็นเรื่องจริงอยู่แบบนี้นี่เอง ว่าทำไมสภาพของขี้กรุ แต่ละกรุทำไมถึงมีความต่างกัน



องค์นี้ก็เป็นพระขุนแผนเคลือบกรุ วัดบ้านกลิ้ง {พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย} เช่นกันครับ แต่ทำไมคราบกรุถึงแลดูเก่าและเป็นคราบที่แกร่งมาก ทั้งๆที่เป็นพระพิมพ์เดียวกัน วัดเดียวกัน คำตอบก็คือ พระอยู่ใต้ฐานชุกชีคนละอันกัน จึงทำให้คราบต่างกันไปด้วย

 

 

ส่วนด้านหน้าของพระขุนแผนเคลือบองค์นี้ มีความแข็งแกร่งมากต้องใช้ของแข็งช่วยแทะคราบกรุออก ตอนแรกใช้ปลายไม้แข็งๆแทะคราบไม่ออก สุดท้ายต้องใช้ปลายเหล็กเล็กๆในการช่วยแทะคราบกรุจึงหลุดออกได้ แต่ต้องใจเย็นมากๆ ถ้าแกะพลาดก็จะทำให้เนื้อพระเสียได้ครับ





วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

พระขุนแผนกรุ พระธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม

***...พระขุนแผนกรุ พระธาตุนาดูน เนื้อนํ้าตาล...***

*** ...ด้านหน้าของพระขุนแผนกรุ พระธาตุนาดูน จ. มหาสารคาม  วรรณะของสี จะเป็นสีนํ้าตาลนวลๆ เนื้อแน่น แต่เวลาใช้กล้องส่องจะดูหนึกนุ่มตา  และถ้าสังเกตุให้ดี ขอบพระจะมีการยุบตัว อันเนื่องมาจากอายุการสร้างที่ยาวนานกว่า 1,300 ปี...

ด้านหน้าจะมีความตรึงเลียบกว่าด้านหลัง

ส่วนด้านหลังของพระพิมพ์นี้  ให้สังเกตุดูหลุมบ่อที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีเม็ดแร่ผสมประปรายกันอยู่บ้าง ที่สำคัญไปกว่านั้นให้สังเกตุการโย้ตัวของขอบพระด้านหลัง หรือพูดแบบง่ายๆก็คือ ขอบของพระโดยรวมทั้งด้านหน้า และด้านหลัง จะแลดูไม่ตรงครับ  ต้องมีการโย้ตัว  ไปมาไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง  จะแลดูตรงทื่อๆไม่ได้  ก็เนื่องมาจากอายุการสร้างที่ยาวนาน

และข้อสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ คราบสีขาวๆ ที่ติดอยู่กับองค์พระส่วนมากจะปรากฏเห็นทุกองค์  {เฉพาะพิมพ์นี้ครับ} ข้อนี้อาจสันนิษฐานได้จาก  การที่พระกรุพระธาตุนาดูน  ถูกฝังอยู่ใต้ดินเป็นเวลานาน และดินในบริเวณที่ขุดพระส่วนมากก็มักจะเป็นดินเค็ม หรือดินกรดนั่นเอง  คราบที่ติดอยู่กับองค์พระส่วนมากจึงเป็นสีขาวครับ





ด้านหลังมีรอยยับย่น ขรุขระ เป็นหลุมบ่อ นี่คือ เอกลักษณ์ที่สำคัญ 

และข้อที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ความแข็งแกร่งของเนื้อพระของกรุ  พระธาตุนาดูน อาจจะเป็นเพราะมีแร่ธาตุ บวกกันกับ อายุพระที่มีความยาวนานจึงทำให้พระเครื่อง  ปรับสภาพเข้ากันกับความร้อนเย็น และความเค็ม เมื่อข้อดังกล่าวเหล่านี้ทำลายพระเครื่องไม่ได้  พระเครื่องก็เลยเป็นพระเครื่องที่แข็งแกร่งที่สุด 

ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระเครื่องสกุลลำพูนหรือเคยได้ยินคำบอกเล่าของนักนิยมพระเครื่องรุ่นเก่าๆ หรือพระรอดลำพูนว่ามีความแกร่งขนาดที่สามารถกรีดกระจกให้เป็นรอยลึกได้  แต่เนื้อพระยังคงอยู่ในสภาพเดิมนี่คือ ความแข็งแกร่งของพระเครื่อง สกุลลำพูนนะครับ

แต่ถ้าใครเคยได้ทดลอง และเคยได้ยินถึงความแข็งแกร่งของพระกรุ  พระธาตุนาดูน  แล้วล่ะก็  ถึงกับไม่อยากจะเชื่อ  เพราะว่าแกร่งถึงกับ เอาใบเลื่อยตัดเหล็ก เลื่อยพระจนกระทั่งฟันของใบเลื่อยหายหมด หายหมดจนกระทั่งไม่มีฟันเลื่อยหลงเหลืออยู่เลย  เฉพาะเนื้อดินนะครับ  เนื้ออื่นยังไม่ทราบ

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รวมภาพพระสมเด็จ วัดขุนอินทประมูล พิมพ์พระประธานฐานหนุน [นิยม]

***...ลองมาชมภาพพระสมเด็จวัด ขุนอินทประมูล กันดีกว่ารับว่า พระพิมพ์ทรงเดียวกัน แต่ธรรมชาติในองค์พระ มีความแตกกันอย่างไรบ้าง...

 ส่วนคราบสีขาวๆก็เกิดจากแคลเซี่ยมภายในกรุ บางองค์ก็ขาวมาก บางองค์ก็ขาวหนาเต็มทั้งองค์ ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างของธรรมชาติภายในกรุเองเป็นตัวสแปร์

 ขอบทั้งสี่ด้านจะมีรอยกัดแหว่งอย่างเป็นธรรมชาติ และถ้าสังเกตุให้ดีก็จะเห็นรอยพระทับกันเป็นแนวเส้นรางๆ สิ่งเหล่านี้แหละครับที่ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ท่านได้ถือเอาเป็นแนวทาง เพราะเป็นธรรมชาติในองค์พระ โดยไม่ใช่เจตนาแสร้งทำจากฝีมือของเทียม

 

 ที่เรียกชื่อนี้ว่าพิมพ์ พระประธานฐานหนุน จุดสังเกตุก็คือ จะมีตุ่มเล็กๆทั้งสองข้างอยู่ด้านล่างสุดของฐานเขียงด้านล่างสุดครับ จุดทั้งสองจุดนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของพิมพ์นี้เลย

ถ้าสังเกตุด้านหลังให้ดีก็จะเห็นการยุบตัวอย่างชัดเจนเลยครับ ถ้าล้างคราบกรุออกก็จะสังเกตุเห็นมวลสารครบถ้วน จุดสังเกตุอีกจุดก็คือ มุมชิ้นฟักทั้งสี่มุมจะโค้งมนเป็นธรรมชาติ จะไม่แหลมคมเหมือนพระใหม่ครับ

 

ภาถ่ายพระทุกองค์ เป็นภาพถ่ายสภาพเดิมๆทุกประการไม่มีการแต่งไม่มีการเสริมแต่ประการใดๆทั้งสิ้น จุดประสงค์หลักที่ไม่มีการแต่งคราบ หรือล้างคราบกรุออกก็เพราะ ต้องการเก็บรักสาสภาพพระกรุแบบเดิมๆ

วิธีสังเกตุ ให้ดูการยุบตัวของพระเครื่อง เพราะว่าพระเครื่องทุกกรุ ถ้ามีอายุการสร้างมานาน สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการยุบตัวของมวลสารในองค์พระ [ต้องมีทุกองค์] จะยุบตัวมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการกดพิมพ์เป็นหลัก




ส่วนองค์นี้คราบวรรณะจะสีนํ้าตาลอมเหลือง คราบสีลักษณะนี้ จะล้างทำความสะอาดยากมาก เพราะเป็นคราบที่ติดแนบแน่นอยู่กับเนื้อในของพระ เวลาจะล้างทำความสะอาจก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ




 

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนที่กำลังศึกษาและสะสม พระเครื่องสาย สมเด็จขุนอินทประมูลโชคดีทุกคนนะครับ จากใจผู้เขียน [ป.ล.]

 

โชว์ วิธีเก็บพระขุนแผนกรุ เพื่อป้องกันการระเบิดตัวของพระ เช็ดด้วยนํ้าอุ่นแล้วใส่ถุงแพ็ก ก่อนเก็บในเซฟครับ [รวมพระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง]

***...ชุดนี้เป็นการรวบรวม พระขุนแผนเคลือบพิมพ์แขนอ่อน กรุวัดบ้านกลิ้ง ทุกๆสภาพไว้ในเซฟ เพื่อความสวยงามและคงทนถาวร เพื่อเป็นการอนุรักษ์พุทธศิลป์ และสืบทอดเจตนารมณ์ เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลังศึกษาและสะสมได้อย่างถูกต้องและแม่นยำสืบต่อไป ในอนาคตอันไกลโพ้น...

รวมพระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง ทุกพิมพ์ทุกสภาพ

ก่อนอื่นตัวผู้เขียนบทความ ต้องขออธิบายความก่อนนะครับว่า ทำไมต้องเขียนบทความว่า วิธีเก็บพระขุนแผนกรุ เพื่อป้องกันการระเบิดตัวของพระ ก็เพราะเหตุผลเนื่องมาจากว่า ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทุกอย่าง ที่ได้เกิดขึ้นกับตัวของผู้เขียนเองในครั้งที่ได้ทดลองนำพระกรุนี้ไปล้างและทำความสะอาด จะเชื่อไหมว่าพระพิมพ์เดียวกัน แต่ลักษณะคราบกรุที่แตกต่างกันจึงทำให้พระแต่ละองค์ มีความตรึงแน่นในเนื้อพระที่ต่างกันไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น พระขุนแผนเคลือบพิมพ์ฐานสูง คราบสีฟ้าอ่อนๆจะมีความตรึงแน่นน้อยกว่า พระขุนแผนเคลือบสีฟ้าเข็ม ความหมายคือ พระขุนแผนเคลือบพิมพ์ฐานสูงกรุวัดบ้านกลิ้งคราบกรุสีฟ้าเข็ม แค่เราเก็บไว้ในที่ ที่มีอุณหภูมิร้อนหรือเย็นที่ทำให้เนื้อพระปรับอุณหภูมิไม่ทัน แค่นี้พระก็แตกระเบิดจนนํ้ายาเคลือบทะลักออกมาหมดเลย เป็นที่น่าเสียดายมากครับ ก็เพราะความไม่รู้นี่เอง ทำไมพระต้องแตกระเบิดออกมาได้ข้อนี้ผมยังหาข้อยุติไม่ได้

แต่ผมหวังว่านักสะสมพระกรุเนื้อกระเบื้องเคลือบและพระเนื้อโลหะบางชนิดน่าจะเคยมีประสบการณ์มาบ้างไม่มากก็น้อย เกี่ยวกับการระเบิดของพระเครื่อง แต่ในความคิดส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่า มันอาจเกิดจากความร้อนระอุในกรุที่เก็บสะสมมาหลายร้อยปี เมื่อพระภายในกรุออกมากระทบกับอากาศภายนอกกรุ จึงทำให้เนื้อในองค์พระปรับอุณหภูมิไม่ทัน จึงเกิดอาการ อ๊อกซิเดชั่น คือ การดันตัวของอ๊อกซิเจนภายในองค์พระอย่างรุนแรงนั่นเอง จึงทำให้เนื้อกระเบื้องเคลือบที่อยู่ภายนอกต้านแรงดันตัวของอากาศภายในไม่ได้ จึงเกิดการระเบิดตัวออกมาได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับ ผมจะนำเอาภาพพระองค์ที่ผิวระเบิดมาลงให้ชมกันนะครับ

 





วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระสมเด็จ กรุพระธาตุนาดูน องค์ปาฏิหาริย์ ฝังแร่โบราณแม่เหล็กดูดได้ [องค์คุณยาย]

                                         ถ้ากล่าวถึงพระสมเด็จที่ทรงคุณค่าที่สุดและเป็นจอมแห่ง "จักรพรรดิ" พระเครื่องในยุคปัจจุบัน เป็นที่หนึ่งของพระเครื่องชุดเบญจภาคีย์ ก็ต้องยกให้พระสมเด็จ "วัดระฆัง โฆสิตาราม"   แต่ถ้าจะกล่าวถึง พระสมเด็จที่เก่าแก่ และคลาสสิค พร้อมด้วยพุทธคุณอันศักดิ์สิทธิ์ ส่วนตัวผมเอง ขอยกให้พระสมเด็จกรุ  "พระธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม"


 
พระสมเด็จกรุ พระธาตุ นาดูน ฝังแร่โบราณ  [องค์คุณยาย]

พระธาตุ นาดูน  เป็นโบราณวัตถุที่มีอายุมากกว่า 1,300 ปี ขุดพบเมื่อวันที่ 8 มิถุายน พ.ศ. 2522 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ครับ  www.youtube.com[พระธาตุนาดูน]


ก่อนที่ผู้เขียน จะเริ่มสนใจในพระเครื่องกรุ พระธาตุนาดูน  ก็เริ่มมาจากนายช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง  เรื่องมีอยู่ว่า  วันหนึ่งอยู่ดีดีนายช่าง  คนที่ว่านี้เดินเข้ามาถาม ผมขณะที่ผมใช้กล้องส่องพระเครื่องอยู่  ตามปกติทุกวันในช่วงยามว่างผมจะเอาพระเครื่องที่ผมสะสมมาส่องดูเนื้อหา และศิลปะในองค์พระเครื่องแต่ละองค์ว่ามีประวัติการสร้างอย่างไร  อายุการสร้างมากแค่ไหน และศิลปะอยู่ในยุคใด  นี่คือกิจวัตรยามว่างของผมเลยก็ว่าได้  เพราะด้วยเหตุที่ว่า  ผมมีความหลงใหลในพระเครื่อง มาตั้งแต่ในสมัยช่วงยังเด็กอยู่เลย 

ปกติทุกวันนายช่างคนนี้ จะไม่เคยถามผมในเรื่องพระเครื่องเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แต่อยู่ๆนายช่างคนนี้เดินเข้ามาถามผม เกี่ยวกับพระเครื่องกรุ พระธาตุ นาดูน  อย่างตกใจสงสัยว่า  "ตี๋ พระธาตุนาดูน  เป็นพระหรือผีกันแน่" พระธาตุ นาดูนที่ว่านี้ก็คือ  พระเครื่องที่มีหลายองค์รวมกันอยู่ในแผ่นเดียวกัน หรือ เป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า  "พระแผงนั่นเอง " คือ พระแผงจะมีขนาดใหญ่กว่าพระเครื่องปกติทั่วไป  เวลาจะนำมาห้อยคอเพื่อเป็นพระเครื่องติดตัวก็จะมีขนาดใหญ่เกินไปจึงนิยมนำพระแผงมาตัดแบ่งกัน  

นายช่างผู้รับเหมาก่อสร้างได้เล่าให้ผมฟังว่า  ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพระเครื่องเลย  แต่ด้วยเหตุที่ญาติของเขาเป็นคน  จังหวัด  มหาสารคาม  เล่าให้ฟังว่ามีพระแผงกรุพระธาตุนาดูนอยู่แผงหนึ่ง  เคยได้ยินแต่คนอื่นเขาเล่าให้ฟังว่า  ถ้านำมาบูชาแล้วจะเกิดโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น และจะทำให้กิจการที่เราทำอยู่เจริญรุ่งเรือง  พอได้ยินเช่นนั้น  นายช่างผู้รับเหมาก่อสร้างก็เลยขอแบ่งปันพระแผงจากญาติมาสักสองหรือสามชิ้นนี้แหละถ้าผมจำไม่ผิด

สิ่งที่นายช่างเกิดความแปลกใจในขณะที่กำลังแบ่งปันพระแผงคือว่า อุปกรณ์ที่ใช้แบ่งปันพระแผงก็คือ เลื่อยตัดเหล็ก นายช่างเล่าว่าต้องใช้ใบเลื่อยสี่ถึงห้าใบเลยทีเดียว  ในการแบ่งพระแผงกัน  เพราะว่าพระแผงกรุพระธาตุนาดูนมีความแข็งแกร่งมาก เลื่อยจนกระทั่งฟันเลื่อยหายไปหมด   ชิ้นส่วนของพระขนาดเล็กก็ยังไม่หลุดขาดออกจากกัน


กว่าจะแบ่งปันกันได้ต้องใช้เวลานานมาก  แต่ด้วยความที่อยากได้พระแผงมาไว้ในครอบครองนายช่างต้องอดทนตั้งตารอคอยจนถึงที่สุด  ในที่สุดก็ได้พระแผงที่แบ่งปันมาจากญาติ ที่จังหวัด  มหาสารคาม กลับมาไว้บูชาที่บ้าน  ที่จังหวัด อุดรธานี 

พอนำเอาพระแผงกลับมาไว้บูชา ที่จังหวัดอุดรด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นก็คือ ในคืนแรกลูกชายของนายช่างอายุประมาณปีกว่าๆ จะตื่นขึ้นมาร้องไห้กลัวตกใจไม่ทราบสาเหตุ ร้องไห้จนพ่อกับแม่ไม่ได้นอน และอีกอย่างก็คิดเกรงใจเพื่อนบ้านด้วย กลัวนอนไม่หลับเพราะรำคาญเสียงเด็กร้อง แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะร้องไห้อยู่อย่างนี้ทุกวัน หลายๆวันเข้าก็ชักจะไม่ไหว 

นายช่างก็เลยนึกสงสัยในใจตัวเองว่า ทำไมเมื่อก่อนลูกชายตัวเล็กคนนี้ไม่เคยร้องไห้ขนาดนี้เลย แต่พอได้พระแผง พระธาตุนาดูน มาบูชาทำไมลูกชายต้องนอนร้องไห้ทุกวัน พอนึกได้เช่นนั้น นายช่างก็เลยนำพระแผงเหล่านั้นลงมาไว้ข้างล่างนอกบ้าน ผลปรากฏว่าลูกชายไม่ร้องไห้เลย แล้วก็เงียบไป แต่สายตาของเด็กน้อยยังชำเลืองมองไปที่หิ้งพระ คล้ายกับว่าอยู่หรือไปแล้วประมาณนี้ล่ะครับ นี่จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า [พระธาตุ นาดูนเป็นพระ หรือผีกันแน่]

ในทัศนคติของผู้เขียนบทความ ไม่คิดว่าจะเป็นผี แต่คิดว่าน่าจะเป็นนาง อัปสร หรือนางอัปสรา ผู้มีรูปร่างอันลือโฉมงดงาม ทำไมถึงคิดว่าเป็นนางอัปสร ก็เพราะว่าพี่สาวของนายช่าง เคยบูชาพระกรุพระธาตุนาดูน พิมพ์นาคปรก และเคยเล่าให้นายช่างฟังว่า เวลาจะมีเรื่องที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นทีไรก็มักจะปรากฏเห็นภาพนาง อัปสรก่อนเสมอ คล้ายๆกับว่านางคอยติดตามคลุ้มครองอยู่เสมอ แม้แต่จะมีโชคลาภเข้ามา ก็จะปรากฏเห็นนางก่อนเสมอ 

แต่ที่จริงแล้ว พี่สาวของนายช่างไม่รู้จักนางอัปสรด้วยซํ้าไป ผมก็เลยถามนายช่างว่า พอจะมีภาพประกอบบ้างไหมว่าหน้าตาของนางเป็นอย่างไร ผมอยากทราบ วันนั้นบังเอิญมีหนังสือ สปีริต อยู่ที่ร้านมีรูปภาพที่ทางหนังสือได้อธิบายภาพเกี่ยวกับนาง อัปสร ที่ปั้นติดกับกำแพงผนัง ที่ประเทศกำพูชาพอดีเลย พอนายช่างมองเห็นภาพในหนังสือแค่นั้นล่ะ เข้าถึงบางอ้อ เลยทันที โอเคใช่เลย...








วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เรือโบราณ ลอยออกมาจากถํ้า ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

***...เรือเก่าโบราณลอยตามกันออกมาจากถํ้า...***

ภาพนี้ได้ขออนุญาตเจ้าของแล้วครับ  ปกติแล้วตัวเรือที่นำมาถ่ายภาพให้ชมนี้เจ้าของเรือเล่มนี้หวงแหนมากเพราะ ปกติแล้วพี่ "ตุ๋ม" จะเก็บไว้ในตู้บูชาภายในบ้าน  เจ้าของเรือได้เล่าประวัติของเรือโบราณลำนี้ให้ฟังเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์และโชคลาภเกี่ยวกับการค้าขายให้ฟังว่า เมื่อก่อน ตอนที่พี่ ตุ๋ม เปิดร้านนวดแผนโบราณใหม่ๆ ในช่วงนั้นพี่เล่าให้ฟังแบบเปิดใจว่า  พี่เป็นหนี้อยู่หลายล้านบาท แต่พี่ก็ต่อสู้ไปเรื่อยๆก็ใช้เวลาหลายปีหาเงินใช้หนี้ ในช่วงแรกๆพี่ "ตุ๋ม"  เล่าว่าบางวันแทบจะไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้านเลย บางวันก็มีแค่คนเดียว แต่ก็ต้องเปิดร้านต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะไปทำมาหากินอะไร

 

  แต่ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ พี่ตุ๋มจะเป็นคนใจบุญและชอบทำบุญ ไหว้พระสวดมนต์ทุกเช้าเย็น เวลาได้เงินจากการนวด พี่ตุ๋มก็ชอบเอาไปทำบุญทุกครั้งและก็จะแบ่งเงินไว้เป็นส่วนๆ คือ ส่วนสำหรับเก็บออมและส่วนเอาไว้ทำบุญ พี่แกก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั้ง  พี่ตุ๋มได้เรือลำนี้มาไว้บูชาที่บ้าน พี่ตุ๋มเล่าให้ฟังว่า พี่จะไหว้พระสวดมนต์ทุกเช้าเลย พอไหว้พระสวดมนต์เสร็จพี่ก็จะขอพรและอธิษฐานเสมอว่าขอให้ครอบครัวมีความสุขและให้มีลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ แต่หลังจากนั้นมาไม่นานนักพี่ก็เริ่มสังเกตุว่าลูกค้าก็เยอะขึ้นทุกวันและในบางวันจนไม่มีเวลาพักผ่อนเลย ในบางวันลูกค้าเยอะมากจนได้หาหมอนวดนอกพื้นที่มาช่วย

 

 พักหลังๆก็มีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการตั้งเยอะแยะ พี่ตุ๋มเล่าให้ฟังว่าไม่รู้ว่าชาวต่างชาติเขารู้จักร้านนวดได้อย่างไร ลูกค้าเข้าร้านเยอะจนกระทั่ง พี่ตุ๋มแกเก็บเงินใช้หนี้สินหมด และยังซื้อที่ทำบ้านที่ติดกับร้านนวดของแกเอง แถมยังซื้อรถเก๋งส่วนตัวอีกหนึ่งคัน ซื้อเพื่อให้กำไรแก่การทำงานของตัวเอง และยังมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีอีกส่วนหนึ่ง แต่เรื่องทั้งหมดที่พี่แกเล่าให้ฟังเนี่ย  พี่ตุ๋มบอกว่าอาจเป็นเพราะบุญจากการให้ทาน รักษาศีล ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและไหว้พระสวดมนต์ทุกเช้าเย็น สุดท้ายคือ พี่แก อธิษฐานขอโชคลาภและขอทรัพย์จากเรือโบราณลำนี้แหละ  พี่ตุ๋มสังเกตุว่า

 

ตอนที่ไปบูชาเรือโบาณคู่นี้มา  เจ้าของเรือเล่าให้พี่   "ตุ๋ม"   ฟังว่าเรือโบราณลำเล็กๆเหล่านี้ ได้ลอยออกมาจากถํ้าที่เขื่อน "อุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น" ประมาณหลายร้อยลำ แต่ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด คือพูดง่ายว่า นํ้าท่วมเขื่อนแล้วเรือโบราณที่อยู่ในถํ้าก็ไหลออกมาตามกระแสนํ้า  คนที่เห็นปรากฏการณ์นี้ก็ไม่มีใครสามารถที่จะนำเรือเหล่านี้ขึ้นมาได้ สุดท้ายก็ต้องได้นิมนต์พระผู้ทรงศีล มาอัญเชิญเรือโบราณเหล่านี้ขึ้นฝั่ง จึงสามารถนำเรือเหล่านี้ขึ้นฝั่งได้

  

เรือโบราณขนาดเล็ก ที่ลอยออกมาจากถั้า ที่เขื่อน อุบลรัตน์

พอนำเรือทั้งหมดขึ้นฝั่งได้ครบทุกลำแล้วผู้คนทั้งหลายก็เกิดปีติสุข ยินดีและอนุโมธนาสาธุการ  บางคนอยากได้มากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร บางคนอยากได้มากแต่ก็ไม่สามารถนำเรือนั้นไปครอบครองได้ ถึงแม้ว่าจะมีเงินมากมายจะซือไปก็ไม่ได้ เพราะเรือนั้นไม่สามารถยกขึ้นได้เลย  สุดท้ายพระอาจารย์ ที่ท่านเป็นผู้อัญเชิญเรือโบราณเหล่านี้ขึ้นมา ท่านก็เลยกล่าวบอกกับสาธุชนทั้งหลายว่า ฟังก่อนญาติโยมทั้งหลาย อันว่าเรือเหล่านี้ไม่ใช่เรือที่ทำขายตามท้องตลาดทั่วไป เรือเหล่านี้เป็นของโบราณกาลได้สร้างเอาไว้ พร้อมทั้งได้บรรจุพระเครื่องไว้ภายในอีกด้วย

อันพระเครื่องที่ว่าบรรจุไว้ภายในเรือนั้น ก็จะมีจำนวนเท่ากันกับ พระเครื่องที่ติดอยู่ด้านบนฝาครอบเรือทุกประการ และภายในเรือที่เจ้าของขอ อนุญาตทุบเรือให้แตกเพื่อศึกษาดูข้างในเรือว่ามีอะไรบรรจุอยู่ภายในบ้าง  ผลปรากฏว่ามีทรายเสกที่กรองคัดเม็ดทรายขนาดเท่ากันและมีแกลบผสมอยู่ด้วย ข้อนี้ตัวผู้เขียนก็ไม่ทราบได้ว่าหมายถึงอะไร



 

ในที่สุดก็ต้องให้ผู้มีบารมีเช่าไป แต่ก่อนจะเช่าไปก็ต้องมีกติกาที่ว่า ถ้าใครสามารถ  "อธิษฐาน"  ให้ยกเรือขึ้นได้ก็ให้คนนั้นเช่าไป แต่เรื่องราคาผมก็ไม่ทราบเช่นกันครับว่า เช่ากันไปเท่าไหร่ แต่ในที่สุดก็มีคนยกเรือนั้นขึ้นจริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน ถ้าใครเคยไปเสี่ยงทายยกพระพุทธรูปโบราณ จะเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ในทัศนคติส่วนตัวของผู้เขียน มีความเชื่อเรื่องเคล็ดที่ว่า เรือโบราณ นั้นมีความผูกพันมากับมนุษย์เป็นเวลหลายชั่วอายุคนมาก ไม่ว่าจะเป็นประวัติของพันท้ายนรสิงห์ ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรือ ไม่ว่าจะทำการค้าขายทางนํ้ากับชาวต่างชาติในสมัยใดก็ต้องใช้เรือเป็น พาหนะ ถ้ากล่าวถึง สมเด็จพุทธจารย์โต พรหมรังสี ท่านก็ยังใช้เรือบิณฑาต แม้แต่พระเจ้าตากสิน มหาราช ท่านก็ยังใช้เรือทำศึกสงคราม แม้กระทั่ง มหาชนก ท่านยังเคยใช้เรือในการทำการค้า จนเรือนั้นอัปปรางลงกลางมหาสมุทร และนักเดินเรือทั้งหลายจะเข้าใจเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี 

ดังนั้นเรือจึงเปรียบได้ว่าเป็นเจ้าแห่งนํ้าเลยก็ว่าได้ ที่มนุษย์ทุกยุค ทุกสมัยใช้เรือเป็นพาหนะนำทาง มีความลื่นไหลไปได้ในทุกที่  เรือก็เลยถูกนำมาสร้างเป็นเครื่องรางในครั้งอดีต จนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าใครมีเรือไว้ในครอบครองบูชาแล้ว ก็จะมีชีวิตการงานที่ดี การเงินดีไม่สะดุด ชีวิตรัก ครอบครัวและทุกๆเรื่อง ก็จะไม่สะดุด จะมีแต่ความไหลลื่น เหมือนเรือที่ลอยไปตามกระแสนํ้าไม่มีวันหยุดนิ่ง


 

นี่ก็เป็นอีกลักษณะอีกแบบของไหโบราณที่สวยงดงาม  คือ จุดเด่นอยู่ที่ฝาครอบไหครับ  ฝาที่ครอบไหแต่ละไห  ก็จะไม่เหมือนกัน  ก็ขึ้นอยู่กับของฝีมือสกุลช่างแต่ละแบบคละเคล้ากันไป 


แต่ภายในไหแต่ละใบนั้นก็จะมีการบรรจุพระเครื่องไว้ภายในไหทุกใบเลยล่ะครับ


 

 

 









วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิธีศึกษา พิมพ์พระ ว่าพระพิมพ์เดียวกันทำไม ธรรมชาติภายในองค์พระ ถึงแตกต่างกัน


***...ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายครับ  สำหรับคนที่พอมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับ  ธรรมชาติในองค์พระคืออะไร...***

ก็อย่างที่ว่านั่นแหละครับ  ปกติการสร้างพระเครื่องในแต่ละยุค  แต่ละสมัย  อย่างแรกที่สำคัญก็จะหนีไม่พ้นเรื่องของพิมพ์พระอีกนั่นแหละ  ไม่ว่าจะสร้างพระประเภทไหนๆก็ต้องใช้แม่พิมพ์เป็นตัวกำหนดรูป  ลักษณะขององค์พระนั้นๆ  ตามที่ต้องการให้พระเครื่องเป็นไปตามความต้องการ  ผมจะลงภาพ  พระกรุเดียวกันและพิมพ์เดียวกันให้ศึกษากันดูนะว่า  มีอะไรที่แตกต่างกันบ้างและแตกต่างกันอย่างไร  Oh!. เกือบลืมบอก วิธีดูผิวของนํ้ายาเคลือบ เวลาแทยงพระ กระทบกับแสงแดดทุกครั้ง จะต้องมองเห็นประกายรุ้งทุกครั้งเสมอไป 

องค์แรก  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง



องค์สอง  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง


องค์สาม  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง




องค์สี่  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง


องค์ห้า  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง





ที่ผมได้นำภาพพระแท้ๆ สวยๆ เหล่านี้มาลงโชว์ในบล็อก เพื่อเป็น  วิทยาทาน  แก่การศึกษานะครับ  เพราะเผื่อไปเจอที่อื่นจะเข้าใจผิดว่าเป็นพระกรุนั้น  กรุนี้อีก  ให้สังเกตุดูการเคลือบ  ว่ามีความเงาวาว  นี่แหละคือ องค์ที่เคลือบนํ้ายาได้สวยสมบูรณ์แบบ

บางองค์ ก็ดูเก่ามากๆก็มี  เพราะการเคลือบนํ้ายาไม่สมบูรณ์  แต่คนส่วนมากก็มักจะเลือกเอาองค์เก่าๆ เพราะความชอบไม่เหมือนกัน  แต่โดยส่วนตัวผมเอง  ผมจะชอบเลือกเอาแบบมันวาวใสๆแบบนี้ครับ   เพราะเงินเราแท้  เราต้องเช่าองค์สวยๆ  ถ้าเกิดเช่าองค์ไม่สวยมา  ก็อาจเกิดเสียดายภายหลังก็ได้  เพราะผมเช่าไว้เพื่อบูชาและเอาไว้ส่องดูยามว่าง  เพื่อให้อารมย์ปรอดโปร่งครับ

ส่วนองค์ที่ห้า  ผมเลี่ยมกรอบใช้เองครับ  ประสบการณ์ดีมาก  ก็เลยนิมนต์ท่านติดตัวมาที่ต่างประเทศด้วย  

ชมภาพด้านหลังบางส่วนกันดีกว่าครับ

  
นึกภาพดูด้านหลังของพระขุนแผนเคลือบ  องค์นี้ทีไร ลักษณะเหมือนโลกพระจันทร์ซะงั้น [ความรู้สึกส่วนตัว] บางครั้ง ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับธรรมชาติในองค์พระ คือ ธรรมชาติมันสร้างสรรค์ด้วยตัวของมันเอง โดยที่บางครั้ง  มนุษย์ก็คาดคิดไม่ถึง

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Miracle,about/Men:s bags /ปาฏิหาริย์ ชายผ้าถุงแม่ กับแรงงานไทย ในประเทศ Israel...

***...มีเรื่องราวมากมาย  เกี่ยวกับปาฏิหาริย์  [ชายผ้าถุงแม่]

เรื่องราวของชายผ้าถุงนี้  เป็นคติถือกันมานานแล้ว  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ถ้าใครเคยได้สอบถามจากทหารเก่าๆ ที่เคยผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชน  ก็จะได้คำตอบในลักษณะที่คล้ายๆกัน คือว่า ที่เรารอดชีวิตกับมาได้จากสงครามครานั้นได้ก็เพราะว่า มีพระเครื่องที่ดีครุ้มครอง หรือ เรามีเพียงชายผ้าถุงของแม่เท่านั้นที่พกติดตัวมาด้วย  นี่เป็นเรื่องจริงที่ข้าพได้ยินมาตั้งแต่ ครั้งสมัยยังเด็กอยู่  เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นแล้ว รุ่นเล่า สิ่งเหล่านี้ก็เลยกลายเป็นความเชื่อ ความศรัทธา ของลูกๆ ผู้มีความรักและกตัญญูต่อมารดาของตน  ยกตัวอย่างเช่น ชายหนุ่ม ที่ชื่อ " Boonlom-Pajundee " ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีพระเครื่องใดๆ ติดตัวเขามา ที่ประเทศ อิสราเอล เลยสักองค์  เขามีเพียงแค่ ชายผ้าถุงแม่เท่านั้นที่พกติดตัวมา เพราะเขามีความเชื่อที่ว่า  พระมารดาเท่านั้น คือ พระอรหันต์องค์แรกของเขา  โดยไม่ต้องผ่านพิธีพุทธาพิเสกใดๆทั้งสิ้น ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ได้
teeyai1981
บุญล้อม คือ คนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความเคารพศรัทธาใน ชายผ้าถุงแม่ของตัวเอง  ถึงกับได้พกพามายังประเทศ อิสราเอลด้วย

เมื่อได้ยิน ได้ฟังมามากแล้ว เราจะประมาทในสิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง มาก็ไม่ได้ เพราะในโลกแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนย่อมหาที่พึ่งได้ยาก ในยามที่เราตกอยู่ในภาวะอันตราย  ในห้วงชีวิตของมนุษย์ทุกหมู่เหล่า เวลาที่อยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิต หรือช่วงแห่ง วินาทีชีวิต  โดยปกติแล้วจิตของมนุษย์ย่อมหาที่พึ่งได้ยาก  เมื่อจิตหาที่พึ่งไม่ได้  มันก็เกิดความกลัวแบบสุดขีด  จนทำให้ตัวสั่นระริก ทำอะไรก็ไม่ถูก สติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งเดียวที่เราจะระลึกได้ง่ายที่สุดก็คือ สิ่งใกล้ตัว  ยกตัวอย่างเช่น  พระเครื่อง เครื่องราง ผ้าประเจียด และชายผ้าถุงแม่ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่ว่าจะระลึกถึงอะไรได้ง่ายกว่า ก็จะระลึกถึงสิ่งนั้นก่อนเสมอ


ยกตัวอย่างอีกเรื่อง  ที่เกี่ยวกับการหาที่พึ่งของจิตใจ  เมื่อถึงยามวิกฤตชีวิต คือ มีทหารนายหนึ่ง อยู่ในสมรภูมิรบ อะไรประมาณนี้แหละ ด้วยเหตุที่เขากลัวข้าศึกมากจนหาที่พึ่งไม่ได้ นึกอะไรก็ไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี  ด้วยความกลัวอันสุดขีด ลองนึกภาพดูนะครับ ทหารนายนั้นก็ได้คว้าเอาอะไรบางอย่างโดยที่เขานึกว่าเป็นของดี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นคือ  " เขียด "  โดยที่เข้าใจว่าเป็นของดี แล้วยัดใส่ปากของตัวเอง  โดยปกติแล้ว เขียดเมื่อมันยังไม่ตาย มันก็ดิ้นอยู่ในปากของ ทหารคนนั้น ก็เลยเข้าใจว่าของดีที่ตัวเองอมอยู่นั้นกำลังแสดง " อิทธิฤทธิ์ " ก็เลยมีกำลังใจหึดสู้กับข้าศึกขึ้นมาอย่างไม่กลัวตาย สุดท้ายข้าศึกก็เผ่นหนีไป พอนึกได้ก็เลยคลายของดีที่ตนเองอมอยู่ออกมาดู ผลปรากฏว่า เป็นเขียด แค่ตัวเล็กๆนี่เอง  เห็นไหมล่ะครับว่า ความเชื่อนี้เป็น คุณสมบัติขั้นพื้นฐานเลยก็ว่าได้  ถ้าคนเราขาดความเชื่อและความศรัทธาแล้ว จะทำอะไรก็ไม่มีทางสำเร็จได้

ดั่งเช่นภาพข้างบนที่เป็นภาพ ตระกุดที่ทำจากผ้าถุงของแม่ ที่ บุญล้อม หนุ่มไทยที่ทำงาน ในประเทศ อิสราเอล ได้คล้องคอติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นกุศโลบายในการเตือนสติของตัวเอง ในยามท้อแท้ ก็จะได้ระลึกถึงคำสอนของ พระบิดามารดาของตัวเอง


ส่วนตัวของผู้เขียนเองคิดว่า เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะครับ  อย่างน้อยเราก็มีสิ่งระลึกและเตือนใจเราในยามที่หาที่พึ่งไม่ได้  ถ้าเรามีความเชื่อและความศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้ว ปาฏิหาริย์ย่อมมี  ย่อมเกิด  คล้ายกับคำดำรัสขององค์ สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า  [ธรรมะ ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเท่านั้น]


ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาอยู่พอสมควรสำหรับเรื่อง  " ชายผ้าถุงของแม่ "  แต่เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง  เรื่องมีอยู่ว่า  มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง  ชายหนุ่มคนนี้จะมีนิสัยชอบหาปลาเป็นนิสัย  แต่ด้วยเหตุที่เขาชอบหาปลานอกบ้านเป็นประจำ ชายหนุ่มผู้นี้ก็มักจะพกชายผ้าถุงของแม่ติดตัวของเขาไปด้วยเสมอ  ครั้งหนึ่งเขาได้นำของมีค่าติดตัวไปด้วย  ของที่มีค่าที่ว่านี้ก็คือ  เงินจำนวนหนึ่งที่ขายวัว ขายควายได้  คนสมัยก่อนมักจะเอาเงินพกติดตัวไปด้วยเสมอ  ข้อนี้ผู้เขียนก็ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด  ครั้งนั้นเขาได้ออกหาปลาตามลำห้วย  โดยมีแหเป็นเครื่องมือ  ด้วยความคิดที่ว่า  ถ้าเอาเงินและชายผ้าถุงแม่ติดตัวไปด้วย ก็กลัวว่าอาจเปียกนํ้าได้  พอคิดได้ดังนั้นก็เลยเอาห่อเงินและชายผ้าถุงของแม่  กองวางไว้บนคูคลองห้วย  ส่วนชายหนุ่มก็หว่านแหไปเรื่อยๆตามคลองห้วย หว่านไปเรื่อย ก็ไกลออกไปเรื่อย  จนใกล้จะถึงพบคํ่า  เขาก็นึกขึ้นได้ว่าหาปลาออกมาไกลจากห่อ เงินและชายผ้าถุงของแม่มากแล้ว


ก็เลยอยากกลับมาที่กองเงินและชายผ้าถุงแม่  ฝืนหาปลาต่อไปอีกอาจจะคํ่ามืดเสียก่อน หรืออาจมีคนมาขโมยห่อเงินและชายผ้าถุงแม่ก็อาจเป็นได้  ในขณะที่เขาเดินรัดเลาะมาตามลำห้วย  ก็เป็นเวลาใกล้พบคํ่าแล้ว  สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาชายหนุ่มก็คือ  มีภาพผู้หญิงแก่ๆชราคนหนึ่ง  เดินวนเวียนรอบๆบริเวณที่เขากองเงินและชายผ้าถุงแม่อยู่  พอเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็มีอาการตกใจ เขานึกในใจของเขาว่า  ยายแก่คนนั้นมาเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นทำไมน๊าา.... เขาคิดในใจว่าแบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้วล่ะ

ชายหนุ่มก็รีบเร่งฝีเท้าของเขาให้ถี่ยิบ  เพื่อจะรีบไปให้ถึงเหตุการณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ด้วยความเป็นห่วงทรัพย์สินของตัวเอง  เขารีบวิ่งแล้วร้องเสียงตะโกนดังรั่นว่า  ยายๆๆๆ  มาเดินวนไปมาอยู่ที่นั่นทำไม   พอสิ้นเสียงตะโกนจบลง ภาพของยายชะราแก่ๆคนนั้น  ก็หายไปพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างแปลกประหลาด พอชายหนุ่มเดินมาถึงตรงที่ที่เงินกองอยู่กับชายผ้าถุงของแม่  ผลปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่กองรวมกันไว้  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือหายไปไหนเลย


แม้แต่รอยฝ่าเท้าสักรอยก็ไม่ปรากฏมีให้เห็น  ชายหนุ่มก็เลยตั้งสติทบทวนดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น  พอนึกถึงภาพของยายชราแก่ๆคนนั้น ลักษณะรูปร่างสันฐานโดยรวมแล้ว  โอ้!..  ใช่เลย  นี่คือ แม่ของเรานี่เองที่ท่านเสียไปนานแล้ว   ในช่วงเวลานั้นยิ่งใกล้พบคํ่าแล้วทุกขณะ  ทำให้อดขนหัวลุกไม่ได้เลย  แต่ชายหนุ่มก็เริ่มเข้าใจในเหตุการณ์ดีว่า  เพราะความที่แม่เป็นห่วงสมบัติของลูกนี่เอง  แม่ถึงมาคอยสอดส่องดูแลกองเงินของลูก ที่วางไว้รวมกันกับชายผ้าถุงของแม่  เพราะด้วยความกลัวคนอื่นว่า จะมาขโมยกองเงินนั้นนี่อาจเป็นเหตุ ให้วิญญาณของแม่ ตามมารักษาทรัพย์สมบัติให้ก็อาจเป็นได้  ท่านก็เลยปรากฏร่างให้คนอื่นเห็นว่ายังมีคนเฝ้าของอยู่  เมื่อมีคนมองเห็นก็ไม่กล้ามาขโมยของนั้นไป

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  พระคุณของแม่นี้  กว้างใหญ่ไพลศาลนักหนา  หาที่เปรียบไม่ได้  ถึงแม้ท่านจะวายชน  แต่ด้วยความรักและเป็นห่วงลูก  วิญญาณของท่านยังตามสอดส่องลูกๆอยู่เสมอ  สุดท้ายนี้ผมขอให้ผู้อ่านทุกคน  รักแม่  มากๆๆๆ นะครับ.....

 

 

 

 

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

พระขุนแผนเคลือบสีขาว แตกกรุที่วัดบ้านกลิ้ง ที่คนยังไม่รู้ วัดบ้านกลิ้ง


***...ถ้าจะกล่าวถึงพระขุนแผนเคลือบแล้ว ต้องยกให้พระขุนแผนเคลือบ  [กรุวัดใหญ่ชัยมงคล] เพราะพระขุนแผนเคลือบ แห่งวัดใหญ่นั้นถือได้ว่า เป็นต้นตำหรับของพระขุนแผนเคลือบ เลยก็ว่าได้...

 สนใจติดต่อ 062-226-4845
ด้านหน้า ของพระขุนแผนเคลือบขาว [ไข่มุข] สุดยอดพระขุนแผนเคลือบ แห่งวัดบ้านกลิ้ง ที่ยังไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน

แต่องค์ที่นำลงมาโชว์ ในบล็อกนี้ ถือได้ว่าเป็น องค์ครูที่ทั้งสภาพสมบูรณ์และสวยงาม ไม่แพ้พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดอื่นๆเลย  แต่ทำไมไม่มีคนรู้จัก และยังไม่เคยเห็นตามสื่อต่างๆ อาจเป็นเพราะมีหลายกรณี หรืออาจสร้างมาน้อย หรือว่ายังไม่มีคนรู้จักกันแน่

ชื่อพิมพ์ ของพระองค์นี้ มีชื่อพิมพ์ว่า พระขุนแผนเคลือบ พิมพ์อกใหญ่ ฐานเตี้ย
พิมพ์นี้ผมตั้งชื่อขึ้นมาเองครับ ไม่ได้อวดรู้นะครับ แต่ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมไปค้นหาข้อมูลตามเว็บต่างๆก็ไม่เห็นมีใครเอาลงมาโชว์ ก็เลยไม่ทราบว่าจะตั้งชื่อว่า พิมพ์ อะไร ผมก็เลยตั้งชื่อ พิมพ์ให้ท่านซะเลยครับ
แต่ผมขอยืนยันว่า พระขุนแผนเคลือบขาวไข่มุข องค์นี้ เป็นพระขุนแผนแคลือบที่แตก กรุออกมาจากวัดบ้านกลิ้ง ก่อนเป็นข่าวปี 5o แน่นอนครับ ผมก็ไม่ทราบว่าทำไมพระแท้ดูง่ายขนาดนี้ยังไม่มีใครนำมาเปิดเผยเพื่อเป็น วิทยาทานแก่คนรุ่นหลัง เพื่อได้ศึกษาและเป็นการอนุรักษ์พระเครื่องไทยสืบต่อไป เอาเป็นว่า ผมจะนำเรื่องราวประวัติของพระกรุนี้ให้ฟังกันนะครับ ว่าดีเด่นในด้านใด 
พระขุนแผนเคลือบขาว ไข่มุข พิมพ์ใหญ่ ฐานเตี้ย ดีเด่น ทางเมตตา มหาลาภ ป้องกันนิรันตรายทั้งปวง และที่สำคัญ ผมยืนยันได้เลยว่า กันคุณไสยได้  ด้วย
ผมจะขอเล่าประสบการณ์ เรื่องที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นมื่อประมาณต้นปี 52 เรื่องมีอยู่ว่า ผมไปเช่าพระขุนแผนเคลือบ เนื้อขาวมาจากลุงคนหนึ่ง "ชื่อลุง นาย" ลุงนายแกเป็นทหารเรือเก่า ครั้งนั้นผมยังไม่รู้จักกันกับลุง นาย เลยครับ แต่อยู่ๆวันนั้นผมเดินผ่านลุง ลุงก็เลยทักผมว่า.  หนุ่ม เอ้ยย! ไม่สนใจเช่าพระดีดี ไว้ติดตัวบูชาบ้างเหรอ
ด้วยความที่คนไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ผมก็หยุดชะงักและถามลุงว่า พระที่ว่าเป็นพระอะไรเหรอครับลุง ลุงแกก็บอกว่าเป็นพระขุนแผนเคลือบกรุ วัดบ้านกลิ้ง ที่เพิ่งแตกกรุออกมา ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักเลยว่ามีพระขุนแผนเคลือบกรุ วัดบ้านกลิ้ง แตกกรุออกมา แต่มีเหตุผลเดียวที่ผมกล้าเช่าพระจากลุงโดยที่ผมไม่ลังเลสงสัยก็คือ พอผมได้ส่องดูรายละเอียดของพระแล้ว ไม่ใช่การสร้างของคนยุคใหม่เป็นแน่ ผมก็เลยถามลุงว่า ราคาเท่าไหร่ครับลุง  ลุงบอกว่ามันมีหลายพิมพ์และหลายแบบนิยมต่างกัน ราคาก็ต่างกัน
พอผมเริ่มต่อรองราคาพระกับลุงอยู่ ปรากฏว่ามีผู้คนจำนวนมากมามุงล้อมดูพระขุนแผนเคลือบกับลุง ผมจำได้ว่า มีคนในวงการพระเคลื่องและพวกทหารตำรวจจำนวนมากมาเช่าหาจากลุงด้วย เช่ากันไปคนละหลายองค์พอสมควร สุดท้ายแล้วผมไม่รอช้าเลย ถ้าฝืนรอช้ากว่านี้ผมคงไม่มีวาสนาได้ครอบครองพระขุนแผนเคลือบสวยๆแบบนี้อีกแน่ ผมตัดสินใจเช่ากับลุงเลยในขณะนั้น รวมเป็นเงินหลายแสนบาท เพราะด้วยเหตุที่พระเครื่องสวยๆแบบนี้ไม่ค่อยปรากฏตามตลาดทั่วไป และผมก็ไม่ได้ปรึกษาจากใครเลย ด้วยความคิดส่วนตัวที่ว่า  *** เงินเราแท้ เราต้องเอาความรู้แท้ของเราซื้อของเอง โดยไม่ปรึกษาใครเลย...
ผมก็ได้พระขุนแผนเคลือบมาหลายพิมพ์ทรงอยู่เหมือนกัน  แต่ทุกพิมพ์ที่ได้มาผมขอกล่าวความจริงว่า มีประสบการณ์ทุกองค์เลยครับ ประสบการณ์ของแต่ละพิมพ์ก็เกิดขึ้นกับญาติและเพื่อนๆของผมเอง เพราะผมได้แจกพระกรุนี้ให้พี่น้องคนละองค์ครับ



เรื่องที่ว่ากันคุณไสย ได้ก็คือ    "พระขุนแผนเคลือบขาว ไข่มุข"    นี่หล่ะครับ  เรื่องมีอยู่ว่าพอผมเช่าพระขุนแผนมาจากลุง นาย แล้วพอผมกลับมาถึงบ้าน พี่หนอม ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายช่าง พอผมเอาพระขุนแผนเคลือบขาวให้พี่หนอมดู ปรากฏว่า พี่หนอมก็เกิดความชอบขึ้นมาทันทีทันใด พี่หนอมก็เลยถามผมว่า จะปล่อยไหม ราคาเท่าไหร่  ผมก็เลยตอบพี่หนอมว่า ผมจะแบ่งให้ไปบูชาสักองค์ครับ พอพูดจบประโยคพี่หนอมก็เช่าไปองค์หนึ่ง คือ พระขุนแผนเคลือบขาว ไข่มุขนี่หล่ะครับ
พอเช่าไปยังไม่ถึงบ้านเลย เพื่อนของพี่หนอมที่เป็น [อบต.] อยู่ขณะนั้นก็ชวนพี่หนอมออกงานต่อที่ต่างจังหวัด ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็น จังหวัดสุรินทร์หรือศรีสะเกษนี่ล่ะครับ พอไปถึงจังหวัดที่ว่าไม่นานนัก  ในช่วงขณะที่รอการประชุม  ประมาณสัก 20 นาทีได้  ปรากฏว่าในช่วงขณะที่นั่งรอการประชุมอยู่ พี่หนอมแกก็นั่งอยู่เก้าอี้ นั่งดื่มโค้กอยู่อยู่คนเดียว ปรากฏว่ามียุงตัวขนาดใหญ่กว่าปกติ บินมากัดตรงมือด้านซ้ายของพี่หนอม พอกำลังจะใช้มือตบ มันก็บินโฉบหนีไป
แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก มือข้างซ้ายทั้งข้างได้ชาไปหมดเหมือนคนไม่มีแรงเลย และก็ค่อยๆรามขึ้นมาที่หัวไหล่ จนรู้สึกได้ว่าเหนื่อยไปทั้งตัว แต่ในที่สุดความชามันก็มาหยุดตรง กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายมือพอดี พี่หนอมก็เลยสงสัยตรงที่ว่า ไอ้ความชามันวิ่งไปทั่วร่างกายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย แต่มันกลับมาหยุด "ชะงัก" ตรงถุงเสื้อด้านซ้าย ตรงตำแหน่งหัวใจพอดี พี่หนอมก็เลยเอามือมาจับดู ผลปรากฏว่ามี ขุนแผนเคลือบขาว ไข่มุข กรุวัดบ้านกลิ้ง ติดอยู่ในถุงเสื้อพอดี ลองนึกภาพดูนะครับว่า เป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นเรื่อง พุทธคุณ ผมก็ไม่อาจอธิบายได้
พอพี่หนอมเสร็จจากการประชุมแล้ว กลับมาถึงบ้าน ที่จังหวัดนครปฐม อาการที่ว่านี้ก็ยังไม่หายอีก เป็นเวลา สองวัน ก็เลยตัดสินใจไปหาหมอ ผลการตราจของคุณหมอก็บอกว่าอาการปกติทุกอย่าง สุขภาพ แข็งแรงดีทุกประการ แต่อาการก็ยังมึนชาอยู่ จนกระทั่งพี่หนอม  อดสงสัยในอาการของตัวเองไม่ได้ จึงมาปรึกษากับผม ตอนที่พี่หนอมมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ให้ผมฟัง ผมยังสังเกตุเห็นผิวพรรณ เหลืองซีดไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด และใบหน้ายิ่งเหลืองมาก จนผมรู้สึกตกใจมาก แต่โดยส่วนตัวของผมเอง ผมคิดว่าโดน คุณไสย แน่ๆครับ





วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

หรียญ หลวงพ่อกลั่น ธมฺมโชโต แห่งวัดพระญาติการาม พิมพ์ขอเบ็ด [นิยม]







 

***...ถ้าจะกล่าวถึงเหรียญที่นิยมที่สุดในยุคนี้ ก็อาจจะกล่าวได้ว่า [เหรียญของหลวงพ่อกลั่น พิมพ์ขอเบ็ด] แห่งวัดพระญาติ การาม เป็นเหรียญยอดนิยมที่สุดและยังจัดอยู่ในชุดเบญจภาคีเหรียญยอดนิยมอีกด้วย นับว่าเป็นเหรียญทองแดงที่แพงที่สุดในโลกก็ว่าได้...


ภาพเหรียญแท้  หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ พิมพ์ขอเบ็ด [นิยม]

หลวงพ่อกลั่น ธมฺมโชติ
หลวงพ่อกลั่น ท่านเกิดในปี  พ.ศ. 2390 ตรงกับปลายรัชสมัย  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา  เจษฎาบดินทร์  พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  ต. อรัญญิก  อ. นครหลวง จ. พระนครศรีอยุทธยา  ครอบครัวหนึ่งซึ่งมีฐานะยากจน ได้ให้กำเนิดเด็กชายผู้มีบุญมาเกิด นามว่า  "กลั่น"  ในสมัยเด็กท่านต้องช่วยพ่อแม่ทำงานตามลำพัง และเพียงลำพังอยู่คนเดียว จึงทำให้ท่านเป็นคนเข็มแข็งเด็ดเดี่ยวมาแต่เด็ก จนกระทั่งอายุได้  27  ปี

ท่านได้อุปสมบท  ณ.  วัด  โลกยสุธาศาลาปูน   โดยมี  พระญาณไตรโลก  [สะอาด]   ต่อมาเป็นพระธรรมราชานุวัตร   [อาจ]  เจ้าคณะใหญ่ อยุทธยา  เป็นพระอุปัชฌาย์  พระครูกุศลธรรมธาดา  วัดขุนยวน   [วัดพรหมนิวาส]  กับพระอธิการชื่น  วัดพระญาติ การาม  เป็นคู่สวด  "ได้ฉายาว่า  ธมฺมโชติ  แปลว่าเป็นผู้สว่างในพระธรรม"  หลังจากนั้นท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดประดู่ทรงธรรม  ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย และได้เรียนรู้ วิชาอาคม  จนแตกฉาน  เมื่อฝึกฝนวิชาต่างๆจนเชี่ยวชาญแล้ว  จึงได้ออกธุดงค์ไปทั่วป่าเขาลำเนาไพร เผชิญกับสัตว์ร้ายนานาชนิด


ออกธุดงค์ มาถึงวัดพระญาติการามในเวลาคํ่า  ท่านได้พิจรณาว่า  วัดนี้เงียบสงบดีเมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรม  สามารถทำสมาธิและเจริญวิปัสสนากรรมฐานได้สะดวก  ท่านจึงได้ปักกลดพักอยู่บริเวณวัดในคืนนั้น  หลวงพ่อกลั่นท่านยังมี  วิชาลูกเบา หรือวิชาคงกระพันชาตรี  ซึ่งเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพันวิชาหนึ่งของท่าน  อำนาจจิตของหลวงพ่อกลั่นนั้นมีมากมาย  เรื่องนี้หลวงพ่อ " อั้น"  ลูกศิษย์  ของหลวงพ่อกลั่นท่านเล่าให้ฟัง


"หลวงพ่อกลั่นท่านถึงแก่มรณะภาพเมื่อปี  พ.ศ.  2477  ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรกเกล้าเจ้าอยู่หัว"





วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

Thai, amulets,and Small Buddha Images,ว่านจำปาสัก หรือ พระเครื่องจำปาสัก รูปภาพองค์จริงให้นักนิยมศึกษากันครับ



***...พระยอดขุนพล หรือ พระว่านจำปาสัก จัดเป็นพระเครื่องที่ได้รับความ
   นิยมมาก ในครั้งอดีตกาลก่อน...



พระว่านจำปาสัก องค์แท้ จากลาว ให้ศึกษากันดู

คนยุคก่อนจะมีความเชื่อในเรื่อง คงกระพันชาตรีและเรื่องมหาอุด เป็นอย่างมาก เพราะด้วยเหตุสมัยที  คนโบราณสมัยก่อนอยู่ในช่วงแห่งสงคราม หาที่พึ่งได้ยาก จึงจำเป็นต้อง อาศัยเครื่องราง ของขลังและพระเครื่องต่างๆ พกติดตัวเพื่อป้องกันภัย

หนึ่งในพระเครื่องเหล่านั้น  "คนสมัยก่อนทางภาคอีสาน  รู้จักกันดีก็คือ  พระว่านจำปาสักนั่นเอง"  พระว่านจำปาสักว่ากันว่า  สร้างมาจากว่าน  มีความเก่าแก่มากมีถิ่นกำเหนิดมาจากประเทศลาว  หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม  แคว้นจำปาสักนั่นเอง

พระว่านจำปาสักนั้น  "มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวก็คือ  มีความเหี่ยวย่น  บิดตัวและมีความเบามาก  ความเหี่ยวย่นที่ว่านี้  {อุปมา- อุปมัย}  คล้ายๆผิวคนแก่"  ให้ลองนึกจินตนาการดูผิวของคนแก่ดูนะครับ  พระจะมีความเก่าและแห้งมาก

คนสมัยโบราณมักจะสร้างบรรจุไว้ตามยอด  พระเจดีย์ต่างๆ  เพราะเชื่อว่าพระว่านจำปาสักเป็นของสูงและที่สำคัญ  คนโบราณยังเชื่อว่าป้องกันฟ้าผ่าได้อีกด้วย  อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้เอง  คนโบราณจึงมักนิยมนำเอา  พระว่านจำปาสักนี้บรรจุไว้ตามเจดีย์ต่างๆ  อาจจะเพื่อป้องกันฟ้าผ่าตามความเชื่อโบราณก็เป็นได้

หรืออาจจะเรียก  แบบบ้านๆ ว่า  "พระยอดขุนพลเมืองอีสานก็ว่าได้"  โดยพิมพ์ทรงของพระว่านจำปาสัก จากรายละเอียด โดยรวมแล้วดูคล้าย  พระท่ากระดานกรุวัดศรีสวัสดิ์มาก

ในทางด้านพุทธคุณ  นักนิยมพระยุคก่อนเชื่อมากในด้านมหาอุดและคงกระพันชาตรีเป็นเลิศ  แต่ในปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบแน่นอนว่ามีดีด้านอื่นอีกไหม
ด้านหลัง พระว่านจำปาสัก เหี่ยวย่นสวยงาม
พระว่านจำปาสักในสมัยก่อน  ยังไม่ค่อยมีราคาและยังไม่นิยมซื้อขายกันเท่าไหร่นัก  แต่โดยส่วนมากคนแก่มักจะให้รุ่นลูก  รุ่นหลานเก็บไว้บูชาหรือให้ไว้เพื่อเป็นสิริมงคล  แต่ทุกวันนี้กลายเป็นของเก่าหายากซะแล้ว  มิหนำซํ้ายังมีของเก๊ออกมาวางขายตามตลาดมากมาย  แต่ของเก๊ก็ยังทำได้ไม่เหมือนเท่าไหร่ครับ



วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

Small, Buddha, Image.พระขุนแผนเคลือบ ""สีเขียว"" ตามตำราโบราณ..>>> พิมพ์แขนอ่อน

                                            

        ***...พระขุนแผนเคลือบ สีเขียว พิมพ์แขนอ่อน ตามตำราโบราณ...แตกกรุที่วัดบ้านกลิ้ง จ. อยุธยา...



ส่วนของด้านหน้า ของขุนแผน พิมพ์ แขนอ่อนกรุวัดบ้านกลิ้ง

***...ตามตำราการสร้างพระขุนแผนเคลือบ  สมัยโบราณกาล  การเคลือบนํ้ายาสีเขียว นั้นหมายถึง วรรณะ ของผู้ทรงศีล...


พระขุนแผนเลือบ พิมพ์  แขนอ่อน  ก็เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่งดงามด้วย พุทธศิลป์  ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ถ้าสังเกตุให้ดีก็จะเห็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ครบถ้วนสมบูรณ์  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเส้นสายรายละเอียดของแม่พิมพ์  ซึ่งต้องอาศัยการแกะบล็อกด้วยมือ บรรจงวิจิตรด้วยใจ  อย่าลืมนะครับว่า คนที่จะแกะบล็อกพระเครื่องได้สวยขนาดนี้ได้  ถ้าไม่ใช่ช่างฝีมือจากวังหลวงแล้วล่ะก็  ไม่มีทางแกะบล็อกได้สวยงามขนาดนี้เป็นแน่
เพราะว่าในสมัยก่อนคนจะทำพระเครื่องแต่ละอย่าง  ต้องใช้ทั้งความรู้ ความสามารถ หลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิมพ์ทรง เรื่องการผสมว่าน  เรื่องการใช้ผงพุทธคุณแต่ละอย่าง  และฤกษ์ยามที่เมาะสมกับพิธีกรรมนั้นๆ ว่าควรจะปลุกเสกในช่วงเวลาใด  ฉะนั้นการสร้างพระเครื่องของคนสมัยโบราณจึงทำได้ถูกต้องแม่นยำ ตามตำราทุกประการ และเจตนาการสร้างก็ดีเยี่ยม  จึงทำให้พระเครื่องที่ทำออกมาแต่ละกรุ  มีพุทธานุภาพ เข็มขลัง
อย่างที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเป็นที่เสาะแสวงหาของนัก  นิยมพระเครื่อง  ทุกยุคทุกสมัย  อย่างที่ว่านั่นแหละครับ  คนโบราณสมัยก่อน  ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์ เชื่อฟังตามคำสอนของพระศาสนา  เกรงกลัวต่อบาปบุญ เป็นหลัก  เวลาจะทำอะไรก็ทำด้วยความเคารพ 
บทวิเคราะห์  สำหรับแผ่นทองเปลวในองค์  พระขุนแผนเคลือบ  พิมพ์แขนอ่อน  ถ้าสังเกตุให้ดีจะเป็นแผ่นทองโบราณ และจะมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นทองเปลวในสมัยทุกวันนี้มากครับ  ด้วยเหตุผลอะไรก็ลองพิจารณาดูก็แล้วกันว่าใหญ่ขนาดไหน และสีของทองเปลวก็จะเป็นสีเหลืองนวลๆ สวยงาม
คราบกรุที่ติดมาก็เป็นคราบธรรมชาติ  แบบนี้ไม่ได้มีการเสริมเติมแต่งแต่ประการใด  เพราะผมกลัวว่า  คนรุ่นหลังจะไม่เข้าใจในลักษณะของคราบกรุที่แท้จริงเป็นอย่างไร  แต่ผมจะนำมาลงให้ชมกันหลายๆองค์ เพื่อเป็นวิทยาทาน ถือว่า  เราได้นำเรื่องจริงมาเปิดเผยแก่  สาธารณะชน  ให้ผู้ที่พอมีความรู้ได้พิจารณาดูตามภูมิความรู้ก็แล้วกันนะครับ  





 

ให้วิเคราะห์ดูด้านหลังนะครับ  ว่าลักษณะอย่างนี้  เกิดจากอะไร  แต่ส่วนตัวผมเองคิดว่า น่าจะเกิดจากการดันตัวของอ๊อกซิเจน  ถ้าใครเคยสังเกตุเห็นโคลนตมตามหนองนํ้าต่างๆ   เวลาอากาศมันดันตัวออกมาก็จะมีลักษณะแบบนี้เลย  หรือถ้าอยากจะรู้จริงๆ  ให้ลองไปศึกษาจากบริเวณที่มีควายนอนโคลนอยู่จะสังเกตุได้ง่ายมาก  เพราะบริเวณโคลนที่ควายนอนอยู่นั้น  โคลนจะมีลักษณะที่ละเอียดมาก  เวลาอ๊อกซิเจนมันดันตัวออกมาจากโคลน  จะมีลักษณะ   คล้ายๆ กับภาพด้านหลังของพระขุนแผนเคลือบเขียวองค์นี้เลย

บางทีผมนึกจินตนาการไปถึงดาวอังคารโน้น  เพราะว่าการศึกษาพระเครื่องต้องใช้จินตนาการถึงความเป็นไปได้ของธรรมชาตินั้นๆด้วย  เพราะของเก๊  ยังทำไม่ได้เพราะยังไม่เข้าใจ  ในระบบของธรรมชาติที่แท้จริง  นี่แหละที่คนเล่นพระยุคก่อนบอกว่า  ต้องเข้าใจธรรมชาติของพระแต่ละกรุ  แล้วเราก็จะเข้าใจ  ในธรรมชาติของพระแท้นั่นเอง  นี่ก็เป็นสัจธรรมของการศึกษาพระเครื่องอีกวิธีหนึ่ง

เมื่อก่อนผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง  แต่จำชื่อหนังสือไม่ได้  แต่ในหนังสือได้อธิบายไว้ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีทดลองว่า  เป็นพระกรุจริงไหม  วิธีการก็คือ  ให้นำพระที่แตกออกมาจากกรุใหม่ๆ  ให้ทดลองนำพระกรุนั้นลงไปแช่ในแก้วนํ้าที่สะอาด  และให้สังเกตุการณ์ดูชั่วครู่หนึ่ง  จะปรากฏว่ามีฟองนํ้าผุดขึ้นมาถี่ยิบ  เหมือนฟองเบียร์บ้าง  เหมือนฟองโซดาบ้าง  เหมือนฟองนํ้าอัดลมบ้าง

ผมก็อดนึกสงสัยไม่ได้ว่า  แล้วผมจะหาพระกรุที่แตกขึ้นมาใหม่ได้จากที่ไหน   ผมได้อ่านหนังสือเล่มนั้นมาก็หลายปีแล้วแต่ก็ยังสงสัยในการบอกกล่าวของนังสือเล่มนั้นอยู่  สุดท้ายด้วยความเป็นคนชอบอ่าน และชอบสงสัย  พอผมได้พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้งมา  แทนที่ผมจะวิ่งไปหาเซียนหรือผู้รู้ 

เรื่องพระขุนแผน  ผมไม่ไปครับ   เพราะผมซื้อมาแพงมาก   สิ่งที่ผมเชื่อในตัวผมเองคือความรู้และความสงสัย  สุดท้ายผมหยิบแก้วสะอาดมาหนึ่งใบ  พร้อมกับนํ้าสะอาคมาหนึ่งขวด  และอุปกรณ์อื่นๆอีกที่พอจะช่วยทำความสะอาดได้  ใจของผมสั่นระทึกและจดจ่อในสิ่งที่ผมได้เล่าเรียนมาว่า   จะมีผลปรากฏเหมือนดั่งตำราว่าเอาไว้หรือไม่  พอผมจุ่มพระขุนแผนเคลือบ พิมพ์แขนอ่อน หน้าตั๊กแตน  ลงแก้วเป็นองค์แรก ผลปรากฏว่า  โอ้!!!   สิ่งที่ผมได้ศึกษารํ่าเรียนมาไม่สูญเปล่าจริงๆ ครับ

มีฟองนํ้าพุ่งขึ้นมาจากองค์พระถี่ยิบเลย  จนทำให้ผมตกใจมาก   ในความรู้สึกของผมตอนนั้นผมคิดได้อย่างเดียวเลยว่า  เราต้องรีบเอาพระออกจากแก้วนํ้าเดี๋ยวนี้  มิฉะนั้นพระคงแตกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆแน่  พอผมได้รีบหยิบพระออกมาจากแก้วนํ้า  ผมก็เอากล้องส่องพระมาส่องดูความเสียหาย  แต่ผลปรากฏว่าทุกอย่างเป็นปกติ  ไม่มีอะไรเสียหายเลยครับ  ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมได้เรียนรู้คำว่า  "  สัจจะ ที่แปลว่าความจริง"   ในการทดลองค้นคว้าจากตำราและจากประสบการณ์ของตัวเอง  ทีนี้เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว  ต่อให้เซียนไหนมาสวดพระของเราว่าเก๊  เราก็ไม่ได้ตำหนิเขาเลย  เพราะการเรียนรู้ของคนไม่เท่ากันจริงๆ



สุดท้ายนี้ขอให้คนที่เข้ามาอ่านในบทความนี้ได้นำวิธีคิด  วิธีค้นคว้าเพื่อให้ตัวเองรู้แจ้งรู้จริงด้วยนะครับ ขอให้โชคดีทุกๆคน  สวัสดีครับ