วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระขุนแผนแขนอ่อน ลงรักชาติปิดทอง พุทธคุณศักดิ์สิทธิ์

***...ลงภาพให้ชมกันครับ ดูแปลกๆ แต่พุทธคุณ ไม่ธรรมดาจริงๆ...


วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รวมภาพพระสมเด็จ วัดขุนอินทประมูล พิมพ์พระประธานฐานหนุน [นิยม]

***...ลองมาชมภาพพระสมเด็จวัด ขุนอินทประมูล กันดีกว่ารับว่า พระพิมพ์ทรงเดียวกัน แต่ธรรมชาติในองค์พระ มีความแตกกันอย่างไรบ้าง...

 ส่วนคราบสีขาวๆก็เกิดจากแคลเซี่ยมภายในกรุ บางองค์ก็ขาวมาก บางองค์ก็ขาวหนาเต็มทั้งองค์ ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างของธรรมชาติภายในกรุเองเป็นตัวสแปร์

 ขอบทั้งสี่ด้านจะมีรอยกัดแหว่งอย่างเป็นธรรมชาติ และถ้าสังเกตุให้ดีก็จะเห็นรอยพระทับกันเป็นแนวเส้นรางๆ สิ่งเหล่านี้แหละครับที่ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ท่านได้ถือเอาเป็นแนวทาง เพราะเป็นธรรมชาติในองค์พระ โดยไม่ใช่เจตนาแสร้งทำจากฝีมือของเทียม

 

 ที่เรียกชื่อนี้ว่าพิมพ์ พระประธานฐานหนุน จุดสังเกตุก็คือ จะมีตุ่มเล็กๆทั้งสองข้างอยู่ด้านล่างสุดของฐานเขียงด้านล่างสุดครับ จุดทั้งสองจุดนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของพิมพ์นี้เลย

ถ้าสังเกตุด้านหลังให้ดีก็จะเห็นการยุบตัวอย่างชัดเจนเลยครับ ถ้าล้างคราบกรุออกก็จะสังเกตุเห็นมวลสารครบถ้วน จุดสังเกตุอีกจุดก็คือ มุมชิ้นฟักทั้งสี่มุมจะโค้งมนเป็นธรรมชาติ จะไม่แหลมคมเหมือนพระใหม่ครับ

 

ภาถ่ายพระทุกองค์ เป็นภาพถ่ายสภาพเดิมๆทุกประการไม่มีการแต่งไม่มีการเสริมแต่ประการใดๆทั้งสิ้น จุดประสงค์หลักที่ไม่มีการแต่งคราบ หรือล้างคราบกรุออกก็เพราะ ต้องการเก็บรักสาสภาพพระกรุแบบเดิมๆ

วิธีสังเกตุ ให้ดูการยุบตัวของพระเครื่อง เพราะว่าพระเครื่องทุกกรุ ถ้ามีอายุการสร้างมานาน สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการยุบตัวของมวลสารในองค์พระ [ต้องมีทุกองค์] จะยุบตัวมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการกดพิมพ์เป็นหลัก




ส่วนองค์นี้คราบวรรณะจะสีนํ้าตาลอมเหลือง คราบสีลักษณะนี้ จะล้างทำความสะอาดยากมาก เพราะเป็นคราบที่ติดแนบแน่นอยู่กับเนื้อในของพระ เวลาจะล้างทำความสะอาจก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ




 

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนที่กำลังศึกษาและสะสม พระเครื่องสาย สมเด็จขุนอินทประมูลโชคดีทุกคนนะครับ จากใจผู้เขียน [ป.ล.]

 

โชว์ วิธีเก็บพระขุนแผนกรุ เพื่อป้องกันการระเบิดตัวของพระ เช็ดด้วยนํ้าอุ่นแล้วใส่ถุงแพ็ก ก่อนเก็บในเซฟครับ [รวมพระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง]

***...ชุดนี้เป็นการรวบรวม พระขุนแผนเคลือบพิมพ์แขนอ่อน กรุวัดบ้านกลิ้ง ทุกๆสภาพไว้ในเซฟ เพื่อความสวยงามและคงทนถาวร เพื่อเป็นการอนุรักษ์พุทธศิลป์ และสืบทอดเจตนารมณ์ เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลังศึกษาและสะสมได้อย่างถูกต้องและแม่นยำสืบต่อไป ในอนาคตอันไกลโพ้น...

รวมพระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง ทุกพิมพ์ทุกสภาพ

ก่อนอื่นตัวผู้เขียนบทความ ต้องขออธิบายความก่อนนะครับว่า ทำไมต้องเขียนบทความว่า วิธีเก็บพระขุนแผนกรุ เพื่อป้องกันการระเบิดตัวของพระ ก็เพราะเหตุผลเนื่องมาจากว่า ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทุกอย่าง ที่ได้เกิดขึ้นกับตัวของผู้เขียนเองในครั้งที่ได้ทดลองนำพระกรุนี้ไปล้างและทำความสะอาด จะเชื่อไหมว่าพระพิมพ์เดียวกัน แต่ลักษณะคราบกรุที่แตกต่างกันจึงทำให้พระแต่ละองค์ มีความตรึงแน่นในเนื้อพระที่ต่างกันไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น พระขุนแผนเคลือบพิมพ์ฐานสูง คราบสีฟ้าอ่อนๆจะมีความตรึงแน่นน้อยกว่า พระขุนแผนเคลือบสีฟ้าเข็ม ความหมายคือ พระขุนแผนเคลือบพิมพ์ฐานสูงกรุวัดบ้านกลิ้งคราบกรุสีฟ้าเข็ม แค่เราเก็บไว้ในที่ ที่มีอุณหภูมิร้อนหรือเย็นที่ทำให้เนื้อพระปรับอุณหภูมิไม่ทัน แค่นี้พระก็แตกระเบิดจนนํ้ายาเคลือบทะลักออกมาหมดเลย เป็นที่น่าเสียดายมากครับ ก็เพราะความไม่รู้นี่เอง ทำไมพระต้องแตกระเบิดออกมาได้ข้อนี้ผมยังหาข้อยุติไม่ได้

แต่ผมหวังว่านักสะสมพระกรุเนื้อกระเบื้องเคลือบและพระเนื้อโลหะบางชนิดน่าจะเคยมีประสบการณ์มาบ้างไม่มากก็น้อย เกี่ยวกับการระเบิดของพระเครื่อง แต่ในความคิดส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่า มันอาจเกิดจากความร้อนระอุในกรุที่เก็บสะสมมาหลายร้อยปี เมื่อพระภายในกรุออกมากระทบกับอากาศภายนอกกรุ จึงทำให้เนื้อในองค์พระปรับอุณหภูมิไม่ทัน จึงเกิดอาการ อ๊อกซิเดชั่น คือ การดันตัวของอ๊อกซิเจนภายในองค์พระอย่างรุนแรงนั่นเอง จึงทำให้เนื้อกระเบื้องเคลือบที่อยู่ภายนอกต้านแรงดันตัวของอากาศภายในไม่ได้ จึงเกิดการระเบิดตัวออกมาได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับ ผมจะนำเอาภาพพระองค์ที่ผิวระเบิดมาลงให้ชมกันนะครับ

 





วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระสมเด็จ กรุพระธาตุนาดูน องค์ปาฏิหาริย์ ฝังแร่โบราณแม่เหล็กดูดได้ [องค์คุณยาย]

                                         ถ้ากล่าวถึงพระสมเด็จที่ทรงคุณค่าที่สุดและเป็นจอมแห่ง "จักรพรรดิ" พระเครื่องในยุคปัจจุบัน เป็นที่หนึ่งของพระเครื่องชุดเบญจภาคีย์ ก็ต้องยกให้พระสมเด็จ "วัดระฆัง โฆสิตาราม"   แต่ถ้าจะกล่าวถึง พระสมเด็จที่เก่าแก่ และคลาสสิค พร้อมด้วยพุทธคุณอันศักดิ์สิทธิ์ ส่วนตัวผมเอง ขอยกให้พระสมเด็จกรุ  "พระธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม"


 
พระสมเด็จกรุ พระธาตุ นาดูน ฝังแร่โบราณ  [องค์คุณยาย]

พระธาตุ นาดูน  เป็นโบราณวัตถุที่มีอายุมากกว่า 1,300 ปี ขุดพบเมื่อวันที่ 8 มิถุายน พ.ศ. 2522 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ครับ  www.youtube.com[พระธาตุนาดูน]


ก่อนที่ผู้เขียน จะเริ่มสนใจในพระเครื่องกรุ พระธาตุนาดูน  ก็เริ่มมาจากนายช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง  เรื่องมีอยู่ว่า  วันหนึ่งอยู่ดีดีนายช่าง  คนที่ว่านี้เดินเข้ามาถาม ผมขณะที่ผมใช้กล้องส่องพระเครื่องอยู่  ตามปกติทุกวันในช่วงยามว่างผมจะเอาพระเครื่องที่ผมสะสมมาส่องดูเนื้อหา และศิลปะในองค์พระเครื่องแต่ละองค์ว่ามีประวัติการสร้างอย่างไร  อายุการสร้างมากแค่ไหน และศิลปะอยู่ในยุคใด  นี่คือกิจวัตรยามว่างของผมเลยก็ว่าได้  เพราะด้วยเหตุที่ว่า  ผมมีความหลงใหลในพระเครื่อง มาตั้งแต่ในสมัยช่วงยังเด็กอยู่เลย 

ปกติทุกวันนายช่างคนนี้ จะไม่เคยถามผมในเรื่องพระเครื่องเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แต่อยู่ๆนายช่างคนนี้เดินเข้ามาถามผม เกี่ยวกับพระเครื่องกรุ พระธาตุ นาดูน  อย่างตกใจสงสัยว่า  "ตี๋ พระธาตุนาดูน  เป็นพระหรือผีกันแน่" พระธาตุ นาดูนที่ว่านี้ก็คือ  พระเครื่องที่มีหลายองค์รวมกันอยู่ในแผ่นเดียวกัน หรือ เป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า  "พระแผงนั่นเอง " คือ พระแผงจะมีขนาดใหญ่กว่าพระเครื่องปกติทั่วไป  เวลาจะนำมาห้อยคอเพื่อเป็นพระเครื่องติดตัวก็จะมีขนาดใหญ่เกินไปจึงนิยมนำพระแผงมาตัดแบ่งกัน  

นายช่างผู้รับเหมาก่อสร้างได้เล่าให้ผมฟังว่า  ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพระเครื่องเลย  แต่ด้วยเหตุที่ญาติของเขาเป็นคน  จังหวัด  มหาสารคาม  เล่าให้ฟังว่ามีพระแผงกรุพระธาตุนาดูนอยู่แผงหนึ่ง  เคยได้ยินแต่คนอื่นเขาเล่าให้ฟังว่า  ถ้านำมาบูชาแล้วจะเกิดโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น และจะทำให้กิจการที่เราทำอยู่เจริญรุ่งเรือง  พอได้ยินเช่นนั้น  นายช่างผู้รับเหมาก่อสร้างก็เลยขอแบ่งปันพระแผงจากญาติมาสักสองหรือสามชิ้นนี้แหละถ้าผมจำไม่ผิด

สิ่งที่นายช่างเกิดความแปลกใจในขณะที่กำลังแบ่งปันพระแผงคือว่า อุปกรณ์ที่ใช้แบ่งปันพระแผงก็คือ เลื่อยตัดเหล็ก นายช่างเล่าว่าต้องใช้ใบเลื่อยสี่ถึงห้าใบเลยทีเดียว  ในการแบ่งพระแผงกัน  เพราะว่าพระแผงกรุพระธาตุนาดูนมีความแข็งแกร่งมาก เลื่อยจนกระทั่งฟันเลื่อยหายไปหมด   ชิ้นส่วนของพระขนาดเล็กก็ยังไม่หลุดขาดออกจากกัน


กว่าจะแบ่งปันกันได้ต้องใช้เวลานานมาก  แต่ด้วยความที่อยากได้พระแผงมาไว้ในครอบครองนายช่างต้องอดทนตั้งตารอคอยจนถึงที่สุด  ในที่สุดก็ได้พระแผงที่แบ่งปันมาจากญาติ ที่จังหวัด  มหาสารคาม กลับมาไว้บูชาที่บ้าน  ที่จังหวัด อุดรธานี 

พอนำเอาพระแผงกลับมาไว้บูชา ที่จังหวัดอุดรด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นก็คือ ในคืนแรกลูกชายของนายช่างอายุประมาณปีกว่าๆ จะตื่นขึ้นมาร้องไห้กลัวตกใจไม่ทราบสาเหตุ ร้องไห้จนพ่อกับแม่ไม่ได้นอน และอีกอย่างก็คิดเกรงใจเพื่อนบ้านด้วย กลัวนอนไม่หลับเพราะรำคาญเสียงเด็กร้อง แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะร้องไห้อยู่อย่างนี้ทุกวัน หลายๆวันเข้าก็ชักจะไม่ไหว 

นายช่างก็เลยนึกสงสัยในใจตัวเองว่า ทำไมเมื่อก่อนลูกชายตัวเล็กคนนี้ไม่เคยร้องไห้ขนาดนี้เลย แต่พอได้พระแผง พระธาตุนาดูน มาบูชาทำไมลูกชายต้องนอนร้องไห้ทุกวัน พอนึกได้เช่นนั้น นายช่างก็เลยนำพระแผงเหล่านั้นลงมาไว้ข้างล่างนอกบ้าน ผลปรากฏว่าลูกชายไม่ร้องไห้เลย แล้วก็เงียบไป แต่สายตาของเด็กน้อยยังชำเลืองมองไปที่หิ้งพระ คล้ายกับว่าอยู่หรือไปแล้วประมาณนี้ล่ะครับ นี่จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า [พระธาตุ นาดูนเป็นพระ หรือผีกันแน่]

ในทัศนคติของผู้เขียนบทความ ไม่คิดว่าจะเป็นผี แต่คิดว่าน่าจะเป็นนาง อัปสร หรือนางอัปสรา ผู้มีรูปร่างอันลือโฉมงดงาม ทำไมถึงคิดว่าเป็นนางอัปสร ก็เพราะว่าพี่สาวของนายช่าง เคยบูชาพระกรุพระธาตุนาดูน พิมพ์นาคปรก และเคยเล่าให้นายช่างฟังว่า เวลาจะมีเรื่องที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นทีไรก็มักจะปรากฏเห็นภาพนาง อัปสรก่อนเสมอ คล้ายๆกับว่านางคอยติดตามคลุ้มครองอยู่เสมอ แม้แต่จะมีโชคลาภเข้ามา ก็จะปรากฏเห็นนางก่อนเสมอ 

แต่ที่จริงแล้ว พี่สาวของนายช่างไม่รู้จักนางอัปสรด้วยซํ้าไป ผมก็เลยถามนายช่างว่า พอจะมีภาพประกอบบ้างไหมว่าหน้าตาของนางเป็นอย่างไร ผมอยากทราบ วันนั้นบังเอิญมีหนังสือ สปีริต อยู่ที่ร้านมีรูปภาพที่ทางหนังสือได้อธิบายภาพเกี่ยวกับนาง อัปสร ที่ปั้นติดกับกำแพงผนัง ที่ประเทศกำพูชาพอดีเลย พอนายช่างมองเห็นภาพในหนังสือแค่นั้นล่ะ เข้าถึงบางอ้อ เลยทันที โอเคใช่เลย...








วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เรือโบราณ ลอยออกมาจากถํ้า ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

***...เรือเก่าโบราณลอยตามกันออกมาจากถํ้า...***

ภาพนี้ได้ขออนุญาตเจ้าของแล้วครับ  ปกติแล้วตัวเรือที่นำมาถ่ายภาพให้ชมนี้เจ้าของเรือเล่มนี้หวงแหนมากเพราะ ปกติแล้วพี่ "ตุ๋ม" จะเก็บไว้ในตู้บูชาภายในบ้าน  เจ้าของเรือได้เล่าประวัติของเรือโบราณลำนี้ให้ฟังเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์และโชคลาภเกี่ยวกับการค้าขายให้ฟังว่า เมื่อก่อน ตอนที่พี่ ตุ๋ม เปิดร้านนวดแผนโบราณใหม่ๆ ในช่วงนั้นพี่เล่าให้ฟังแบบเปิดใจว่า  พี่เป็นหนี้อยู่หลายล้านบาท แต่พี่ก็ต่อสู้ไปเรื่อยๆก็ใช้เวลาหลายปีหาเงินใช้หนี้ ในช่วงแรกๆพี่ "ตุ๋ม"  เล่าว่าบางวันแทบจะไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้านเลย บางวันก็มีแค่คนเดียว แต่ก็ต้องเปิดร้านต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะไปทำมาหากินอะไร

 

  แต่ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ พี่ตุ๋มจะเป็นคนใจบุญและชอบทำบุญ ไหว้พระสวดมนต์ทุกเช้าเย็น เวลาได้เงินจากการนวด พี่ตุ๋มก็ชอบเอาไปทำบุญทุกครั้งและก็จะแบ่งเงินไว้เป็นส่วนๆ คือ ส่วนสำหรับเก็บออมและส่วนเอาไว้ทำบุญ พี่แกก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั้ง  พี่ตุ๋มได้เรือลำนี้มาไว้บูชาที่บ้าน พี่ตุ๋มเล่าให้ฟังว่า พี่จะไหว้พระสวดมนต์ทุกเช้าเลย พอไหว้พระสวดมนต์เสร็จพี่ก็จะขอพรและอธิษฐานเสมอว่าขอให้ครอบครัวมีความสุขและให้มีลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ แต่หลังจากนั้นมาไม่นานนักพี่ก็เริ่มสังเกตุว่าลูกค้าก็เยอะขึ้นทุกวันและในบางวันจนไม่มีเวลาพักผ่อนเลย ในบางวันลูกค้าเยอะมากจนได้หาหมอนวดนอกพื้นที่มาช่วย

 

 พักหลังๆก็มีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการตั้งเยอะแยะ พี่ตุ๋มเล่าให้ฟังว่าไม่รู้ว่าชาวต่างชาติเขารู้จักร้านนวดได้อย่างไร ลูกค้าเข้าร้านเยอะจนกระทั่ง พี่ตุ๋มแกเก็บเงินใช้หนี้สินหมด และยังซื้อที่ทำบ้านที่ติดกับร้านนวดของแกเอง แถมยังซื้อรถเก๋งส่วนตัวอีกหนึ่งคัน ซื้อเพื่อให้กำไรแก่การทำงานของตัวเอง และยังมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีอีกส่วนหนึ่ง แต่เรื่องทั้งหมดที่พี่แกเล่าให้ฟังเนี่ย  พี่ตุ๋มบอกว่าอาจเป็นเพราะบุญจากการให้ทาน รักษาศีล ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและไหว้พระสวดมนต์ทุกเช้าเย็น สุดท้ายคือ พี่แก อธิษฐานขอโชคลาภและขอทรัพย์จากเรือโบราณลำนี้แหละ  พี่ตุ๋มสังเกตุว่า

 

ตอนที่ไปบูชาเรือโบาณคู่นี้มา  เจ้าของเรือเล่าให้พี่   "ตุ๋ม"   ฟังว่าเรือโบราณลำเล็กๆเหล่านี้ ได้ลอยออกมาจากถํ้าที่เขื่อน "อุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น" ประมาณหลายร้อยลำ แต่ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด คือพูดง่ายว่า นํ้าท่วมเขื่อนแล้วเรือโบราณที่อยู่ในถํ้าก็ไหลออกมาตามกระแสนํ้า  คนที่เห็นปรากฏการณ์นี้ก็ไม่มีใครสามารถที่จะนำเรือเหล่านี้ขึ้นมาได้ สุดท้ายก็ต้องได้นิมนต์พระผู้ทรงศีล มาอัญเชิญเรือโบราณเหล่านี้ขึ้นฝั่ง จึงสามารถนำเรือเหล่านี้ขึ้นฝั่งได้

  

เรือโบราณขนาดเล็ก ที่ลอยออกมาจากถั้า ที่เขื่อน อุบลรัตน์

พอนำเรือทั้งหมดขึ้นฝั่งได้ครบทุกลำแล้วผู้คนทั้งหลายก็เกิดปีติสุข ยินดีและอนุโมธนาสาธุการ  บางคนอยากได้มากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร บางคนอยากได้มากแต่ก็ไม่สามารถนำเรือนั้นไปครอบครองได้ ถึงแม้ว่าจะมีเงินมากมายจะซือไปก็ไม่ได้ เพราะเรือนั้นไม่สามารถยกขึ้นได้เลย  สุดท้ายพระอาจารย์ ที่ท่านเป็นผู้อัญเชิญเรือโบราณเหล่านี้ขึ้นมา ท่านก็เลยกล่าวบอกกับสาธุชนทั้งหลายว่า ฟังก่อนญาติโยมทั้งหลาย อันว่าเรือเหล่านี้ไม่ใช่เรือที่ทำขายตามท้องตลาดทั่วไป เรือเหล่านี้เป็นของโบราณกาลได้สร้างเอาไว้ พร้อมทั้งได้บรรจุพระเครื่องไว้ภายในอีกด้วย

อันพระเครื่องที่ว่าบรรจุไว้ภายในเรือนั้น ก็จะมีจำนวนเท่ากันกับ พระเครื่องที่ติดอยู่ด้านบนฝาครอบเรือทุกประการ และภายในเรือที่เจ้าของขอ อนุญาตทุบเรือให้แตกเพื่อศึกษาดูข้างในเรือว่ามีอะไรบรรจุอยู่ภายในบ้าง  ผลปรากฏว่ามีทรายเสกที่กรองคัดเม็ดทรายขนาดเท่ากันและมีแกลบผสมอยู่ด้วย ข้อนี้ตัวผู้เขียนก็ไม่ทราบได้ว่าหมายถึงอะไร



 

ในที่สุดก็ต้องให้ผู้มีบารมีเช่าไป แต่ก่อนจะเช่าไปก็ต้องมีกติกาที่ว่า ถ้าใครสามารถ  "อธิษฐาน"  ให้ยกเรือขึ้นได้ก็ให้คนนั้นเช่าไป แต่เรื่องราคาผมก็ไม่ทราบเช่นกันครับว่า เช่ากันไปเท่าไหร่ แต่ในที่สุดก็มีคนยกเรือนั้นขึ้นจริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน ถ้าใครเคยไปเสี่ยงทายยกพระพุทธรูปโบราณ จะเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ในทัศนคติส่วนตัวของผู้เขียน มีความเชื่อเรื่องเคล็ดที่ว่า เรือโบราณ นั้นมีความผูกพันมากับมนุษย์เป็นเวลหลายชั่วอายุคนมาก ไม่ว่าจะเป็นประวัติของพันท้ายนรสิงห์ ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรือ ไม่ว่าจะทำการค้าขายทางนํ้ากับชาวต่างชาติในสมัยใดก็ต้องใช้เรือเป็น พาหนะ ถ้ากล่าวถึง สมเด็จพุทธจารย์โต พรหมรังสี ท่านก็ยังใช้เรือบิณฑาต แม้แต่พระเจ้าตากสิน มหาราช ท่านก็ยังใช้เรือทำศึกสงคราม แม้กระทั่ง มหาชนก ท่านยังเคยใช้เรือในการทำการค้า จนเรือนั้นอัปปรางลงกลางมหาสมุทร และนักเดินเรือทั้งหลายจะเข้าใจเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี 

ดังนั้นเรือจึงเปรียบได้ว่าเป็นเจ้าแห่งนํ้าเลยก็ว่าได้ ที่มนุษย์ทุกยุค ทุกสมัยใช้เรือเป็นพาหนะนำทาง มีความลื่นไหลไปได้ในทุกที่  เรือก็เลยถูกนำมาสร้างเป็นเครื่องรางในครั้งอดีต จนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าใครมีเรือไว้ในครอบครองบูชาแล้ว ก็จะมีชีวิตการงานที่ดี การเงินดีไม่สะดุด ชีวิตรัก ครอบครัวและทุกๆเรื่อง ก็จะไม่สะดุด จะมีแต่ความไหลลื่น เหมือนเรือที่ลอยไปตามกระแสนํ้าไม่มีวันหยุดนิ่ง


 

นี่ก็เป็นอีกลักษณะอีกแบบของไหโบราณที่สวยงดงาม  คือ จุดเด่นอยู่ที่ฝาครอบไหครับ  ฝาที่ครอบไหแต่ละไห  ก็จะไม่เหมือนกัน  ก็ขึ้นอยู่กับของฝีมือสกุลช่างแต่ละแบบคละเคล้ากันไป 


แต่ภายในไหแต่ละใบนั้นก็จะมีการบรรจุพระเครื่องไว้ภายในไหทุกใบเลยล่ะครับ


 

 

 









วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิธีศึกษา พิมพ์พระ ว่าพระพิมพ์เดียวกันทำไม ธรรมชาติภายในองค์พระ ถึงแตกต่างกัน


***...ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายครับ  สำหรับคนที่พอมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับ  ธรรมชาติในองค์พระคืออะไร...***

ก็อย่างที่ว่านั่นแหละครับ  ปกติการสร้างพระเครื่องในแต่ละยุค  แต่ละสมัย  อย่างแรกที่สำคัญก็จะหนีไม่พ้นเรื่องของพิมพ์พระอีกนั่นแหละ  ไม่ว่าจะสร้างพระประเภทไหนๆก็ต้องใช้แม่พิมพ์เป็นตัวกำหนดรูป  ลักษณะขององค์พระนั้นๆ  ตามที่ต้องการให้พระเครื่องเป็นไปตามความต้องการ  ผมจะลงภาพ  พระกรุเดียวกันและพิมพ์เดียวกันให้ศึกษากันดูนะว่า  มีอะไรที่แตกต่างกันบ้างและแตกต่างกันอย่างไร  Oh!. เกือบลืมบอก วิธีดูผิวของนํ้ายาเคลือบ เวลาแทยงพระ กระทบกับแสงแดดทุกครั้ง จะต้องมองเห็นประกายรุ้งทุกครั้งเสมอไป 

องค์แรก  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง



องค์สอง  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง


องค์สาม  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง




องค์สี่  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง


องค์ห้า  พระขุนแผนเคลือบกรุวัดบ้านกลิ้ง  พิมพ์ฐานสูง





ที่ผมได้นำภาพพระแท้ๆ สวยๆ เหล่านี้มาลงโชว์ในบล็อก เพื่อเป็น  วิทยาทาน  แก่การศึกษานะครับ  เพราะเผื่อไปเจอที่อื่นจะเข้าใจผิดว่าเป็นพระกรุนั้น  กรุนี้อีก  ให้สังเกตุดูการเคลือบ  ว่ามีความเงาวาว  นี่แหละคือ องค์ที่เคลือบนํ้ายาได้สวยสมบูรณ์แบบ

บางองค์ ก็ดูเก่ามากๆก็มี  เพราะการเคลือบนํ้ายาไม่สมบูรณ์  แต่คนส่วนมากก็มักจะเลือกเอาองค์เก่าๆ เพราะความชอบไม่เหมือนกัน  แต่โดยส่วนตัวผมเอง  ผมจะชอบเลือกเอาแบบมันวาวใสๆแบบนี้ครับ   เพราะเงินเราแท้  เราต้องเช่าองค์สวยๆ  ถ้าเกิดเช่าองค์ไม่สวยมา  ก็อาจเกิดเสียดายภายหลังก็ได้  เพราะผมเช่าไว้เพื่อบูชาและเอาไว้ส่องดูยามว่าง  เพื่อให้อารมย์ปรอดโปร่งครับ

ส่วนองค์ที่ห้า  ผมเลี่ยมกรอบใช้เองครับ  ประสบการณ์ดีมาก  ก็เลยนิมนต์ท่านติดตัวมาที่ต่างประเทศด้วย  

ชมภาพด้านหลังบางส่วนกันดีกว่าครับ

  
นึกภาพดูด้านหลังของพระขุนแผนเคลือบ  องค์นี้ทีไร ลักษณะเหมือนโลกพระจันทร์ซะงั้น [ความรู้สึกส่วนตัว] บางครั้ง ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับธรรมชาติในองค์พระ คือ ธรรมชาติมันสร้างสรรค์ด้วยตัวของมันเอง โดยที่บางครั้ง  มนุษย์ก็คาดคิดไม่ถึง

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Miracle,about/Men:s bags /ปาฏิหาริย์ ชายผ้าถุงแม่ กับแรงงานไทย ในประเทศ Israel...

***...มีเรื่องราวมากมาย  เกี่ยวกับปาฏิหาริย์  [ชายผ้าถุงแม่]

เรื่องราวของชายผ้าถุงนี้  เป็นคติถือกันมานานแล้ว  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ถ้าใครเคยได้สอบถามจากทหารเก่าๆ ที่เคยผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชน  ก็จะได้คำตอบในลักษณะที่คล้ายๆกัน คือว่า ที่เรารอดชีวิตกับมาได้จากสงครามครานั้นได้ก็เพราะว่า มีพระเครื่องที่ดีครุ้มครอง หรือ เรามีเพียงชายผ้าถุงของแม่เท่านั้นที่พกติดตัวมาด้วย  นี่เป็นเรื่องจริงที่ข้าพได้ยินมาตั้งแต่ ครั้งสมัยยังเด็กอยู่  เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นแล้ว รุ่นเล่า สิ่งเหล่านี้ก็เลยกลายเป็นความเชื่อ ความศรัทธา ของลูกๆ ผู้มีความรักและกตัญญูต่อมารดาของตน  ยกตัวอย่างเช่น ชายหนุ่ม ที่ชื่อ " Boonlom-Pajundee " ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีพระเครื่องใดๆ ติดตัวเขามา ที่ประเทศ อิสราเอล เลยสักองค์  เขามีเพียงแค่ ชายผ้าถุงแม่เท่านั้นที่พกติดตัวมา เพราะเขามีความเชื่อที่ว่า  พระมารดาเท่านั้น คือ พระอรหันต์องค์แรกของเขา  โดยไม่ต้องผ่านพิธีพุทธาพิเสกใดๆทั้งสิ้น ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ได้
teeyai1981
บุญล้อม คือ คนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความเคารพศรัทธาใน ชายผ้าถุงแม่ของตัวเอง  ถึงกับได้พกพามายังประเทศ อิสราเอลด้วย

เมื่อได้ยิน ได้ฟังมามากแล้ว เราจะประมาทในสิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง มาก็ไม่ได้ เพราะในโลกแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนย่อมหาที่พึ่งได้ยาก ในยามที่เราตกอยู่ในภาวะอันตราย  ในห้วงชีวิตของมนุษย์ทุกหมู่เหล่า เวลาที่อยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิต หรือช่วงแห่ง วินาทีชีวิต  โดยปกติแล้วจิตของมนุษย์ย่อมหาที่พึ่งได้ยาก  เมื่อจิตหาที่พึ่งไม่ได้  มันก็เกิดความกลัวแบบสุดขีด  จนทำให้ตัวสั่นระริก ทำอะไรก็ไม่ถูก สติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งเดียวที่เราจะระลึกได้ง่ายที่สุดก็คือ สิ่งใกล้ตัว  ยกตัวอย่างเช่น  พระเครื่อง เครื่องราง ผ้าประเจียด และชายผ้าถุงแม่ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่ว่าจะระลึกถึงอะไรได้ง่ายกว่า ก็จะระลึกถึงสิ่งนั้นก่อนเสมอ


ยกตัวอย่างอีกเรื่อง  ที่เกี่ยวกับการหาที่พึ่งของจิตใจ  เมื่อถึงยามวิกฤตชีวิต คือ มีทหารนายหนึ่ง อยู่ในสมรภูมิรบ อะไรประมาณนี้แหละ ด้วยเหตุที่เขากลัวข้าศึกมากจนหาที่พึ่งไม่ได้ นึกอะไรก็ไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี  ด้วยความกลัวอันสุดขีด ลองนึกภาพดูนะครับ ทหารนายนั้นก็ได้คว้าเอาอะไรบางอย่างโดยที่เขานึกว่าเป็นของดี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นคือ  " เขียด "  โดยที่เข้าใจว่าเป็นของดี แล้วยัดใส่ปากของตัวเอง  โดยปกติแล้ว เขียดเมื่อมันยังไม่ตาย มันก็ดิ้นอยู่ในปากของ ทหารคนนั้น ก็เลยเข้าใจว่าของดีที่ตัวเองอมอยู่นั้นกำลังแสดง " อิทธิฤทธิ์ " ก็เลยมีกำลังใจหึดสู้กับข้าศึกขึ้นมาอย่างไม่กลัวตาย สุดท้ายข้าศึกก็เผ่นหนีไป พอนึกได้ก็เลยคลายของดีที่ตนเองอมอยู่ออกมาดู ผลปรากฏว่า เป็นเขียด แค่ตัวเล็กๆนี่เอง  เห็นไหมล่ะครับว่า ความเชื่อนี้เป็น คุณสมบัติขั้นพื้นฐานเลยก็ว่าได้  ถ้าคนเราขาดความเชื่อและความศรัทธาแล้ว จะทำอะไรก็ไม่มีทางสำเร็จได้

ดั่งเช่นภาพข้างบนที่เป็นภาพ ตระกุดที่ทำจากผ้าถุงของแม่ ที่ บุญล้อม หนุ่มไทยที่ทำงาน ในประเทศ อิสราเอล ได้คล้องคอติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นกุศโลบายในการเตือนสติของตัวเอง ในยามท้อแท้ ก็จะได้ระลึกถึงคำสอนของ พระบิดามารดาของตัวเอง


ส่วนตัวของผู้เขียนเองคิดว่า เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะครับ  อย่างน้อยเราก็มีสิ่งระลึกและเตือนใจเราในยามที่หาที่พึ่งไม่ได้  ถ้าเรามีความเชื่อและความศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้ว ปาฏิหาริย์ย่อมมี  ย่อมเกิด  คล้ายกับคำดำรัสขององค์ สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า  [ธรรมะ ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเท่านั้น]


ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาอยู่พอสมควรสำหรับเรื่อง  " ชายผ้าถุงของแม่ "  แต่เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง  เรื่องมีอยู่ว่า  มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง  ชายหนุ่มคนนี้จะมีนิสัยชอบหาปลาเป็นนิสัย  แต่ด้วยเหตุที่เขาชอบหาปลานอกบ้านเป็นประจำ ชายหนุ่มผู้นี้ก็มักจะพกชายผ้าถุงของแม่ติดตัวของเขาไปด้วยเสมอ  ครั้งหนึ่งเขาได้นำของมีค่าติดตัวไปด้วย  ของที่มีค่าที่ว่านี้ก็คือ  เงินจำนวนหนึ่งที่ขายวัว ขายควายได้  คนสมัยก่อนมักจะเอาเงินพกติดตัวไปด้วยเสมอ  ข้อนี้ผู้เขียนก็ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด  ครั้งนั้นเขาได้ออกหาปลาตามลำห้วย  โดยมีแหเป็นเครื่องมือ  ด้วยความคิดที่ว่า  ถ้าเอาเงินและชายผ้าถุงแม่ติดตัวไปด้วย ก็กลัวว่าอาจเปียกนํ้าได้  พอคิดได้ดังนั้นก็เลยเอาห่อเงินและชายผ้าถุงของแม่  กองวางไว้บนคูคลองห้วย  ส่วนชายหนุ่มก็หว่านแหไปเรื่อยๆตามคลองห้วย หว่านไปเรื่อย ก็ไกลออกไปเรื่อย  จนใกล้จะถึงพบคํ่า  เขาก็นึกขึ้นได้ว่าหาปลาออกมาไกลจากห่อ เงินและชายผ้าถุงของแม่มากแล้ว


ก็เลยอยากกลับมาที่กองเงินและชายผ้าถุงแม่  ฝืนหาปลาต่อไปอีกอาจจะคํ่ามืดเสียก่อน หรืออาจมีคนมาขโมยห่อเงินและชายผ้าถุงแม่ก็อาจเป็นได้  ในขณะที่เขาเดินรัดเลาะมาตามลำห้วย  ก็เป็นเวลาใกล้พบคํ่าแล้ว  สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาชายหนุ่มก็คือ  มีภาพผู้หญิงแก่ๆชราคนหนึ่ง  เดินวนเวียนรอบๆบริเวณที่เขากองเงินและชายผ้าถุงแม่อยู่  พอเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็มีอาการตกใจ เขานึกในใจของเขาว่า  ยายแก่คนนั้นมาเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นทำไมน๊าา.... เขาคิดในใจว่าแบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้วล่ะ

ชายหนุ่มก็รีบเร่งฝีเท้าของเขาให้ถี่ยิบ  เพื่อจะรีบไปให้ถึงเหตุการณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ด้วยความเป็นห่วงทรัพย์สินของตัวเอง  เขารีบวิ่งแล้วร้องเสียงตะโกนดังรั่นว่า  ยายๆๆๆ  มาเดินวนไปมาอยู่ที่นั่นทำไม   พอสิ้นเสียงตะโกนจบลง ภาพของยายชะราแก่ๆคนนั้น  ก็หายไปพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างแปลกประหลาด พอชายหนุ่มเดินมาถึงตรงที่ที่เงินกองอยู่กับชายผ้าถุงของแม่  ผลปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่กองรวมกันไว้  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือหายไปไหนเลย


แม้แต่รอยฝ่าเท้าสักรอยก็ไม่ปรากฏมีให้เห็น  ชายหนุ่มก็เลยตั้งสติทบทวนดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น  พอนึกถึงภาพของยายชราแก่ๆคนนั้น ลักษณะรูปร่างสันฐานโดยรวมแล้ว  โอ้!..  ใช่เลย  นี่คือ แม่ของเรานี่เองที่ท่านเสียไปนานแล้ว   ในช่วงเวลานั้นยิ่งใกล้พบคํ่าแล้วทุกขณะ  ทำให้อดขนหัวลุกไม่ได้เลย  แต่ชายหนุ่มก็เริ่มเข้าใจในเหตุการณ์ดีว่า  เพราะความที่แม่เป็นห่วงสมบัติของลูกนี่เอง  แม่ถึงมาคอยสอดส่องดูแลกองเงินของลูก ที่วางไว้รวมกันกับชายผ้าถุงของแม่  เพราะด้วยความกลัวคนอื่นว่า จะมาขโมยกองเงินนั้นนี่อาจเป็นเหตุ ให้วิญญาณของแม่ ตามมารักษาทรัพย์สมบัติให้ก็อาจเป็นได้  ท่านก็เลยปรากฏร่างให้คนอื่นเห็นว่ายังมีคนเฝ้าของอยู่  เมื่อมีคนมองเห็นก็ไม่กล้ามาขโมยของนั้นไป

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  พระคุณของแม่นี้  กว้างใหญ่ไพลศาลนักหนา  หาที่เปรียบไม่ได้  ถึงแม้ท่านจะวายชน  แต่ด้วยความรักและเป็นห่วงลูก  วิญญาณของท่านยังตามสอดส่องลูกๆอยู่เสมอ  สุดท้ายนี้ผมขอให้ผู้อ่านทุกคน  รักแม่  มากๆๆๆ นะครับ.....