วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Miracle,about/Men:s bags /ปาฏิหาริย์ ชายผ้าถุงแม่ กับแรงงานไทย ในประเทศ Israel...

***...มีเรื่องราวมากมาย  เกี่ยวกับปาฏิหาริย์  [ชายผ้าถุงแม่]

เรื่องราวของชายผ้าถุงนี้  เป็นคติถือกันมานานแล้ว  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ถ้าใครเคยได้สอบถามจากทหารเก่าๆ ที่เคยผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชน  ก็จะได้คำตอบในลักษณะที่คล้ายๆกัน คือว่า ที่เรารอดชีวิตกับมาได้จากสงครามครานั้นได้ก็เพราะว่า มีพระเครื่องที่ดีครุ้มครอง หรือ เรามีเพียงชายผ้าถุงของแม่เท่านั้นที่พกติดตัวมาด้วย  นี่เป็นเรื่องจริงที่ข้าพได้ยินมาตั้งแต่ ครั้งสมัยยังเด็กอยู่  เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นแล้ว รุ่นเล่า สิ่งเหล่านี้ก็เลยกลายเป็นความเชื่อ ความศรัทธา ของลูกๆ ผู้มีความรักและกตัญญูต่อมารดาของตน  ยกตัวอย่างเช่น ชายหนุ่ม ที่ชื่อ " Boonlom-Pajundee " ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีพระเครื่องใดๆ ติดตัวเขามา ที่ประเทศ อิสราเอล เลยสักองค์  เขามีเพียงแค่ ชายผ้าถุงแม่เท่านั้นที่พกติดตัวมา เพราะเขามีความเชื่อที่ว่า  พระมารดาเท่านั้น คือ พระอรหันต์องค์แรกของเขา  โดยไม่ต้องผ่านพิธีพุทธาพิเสกใดๆทั้งสิ้น ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ได้
teeyai1981
บุญล้อม คือ คนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความเคารพศรัทธาใน ชายผ้าถุงแม่ของตัวเอง  ถึงกับได้พกพามายังประเทศ อิสราเอลด้วย

เมื่อได้ยิน ได้ฟังมามากแล้ว เราจะประมาทในสิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง มาก็ไม่ได้ เพราะในโลกแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนย่อมหาที่พึ่งได้ยาก ในยามที่เราตกอยู่ในภาวะอันตราย  ในห้วงชีวิตของมนุษย์ทุกหมู่เหล่า เวลาที่อยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิต หรือช่วงแห่ง วินาทีชีวิต  โดยปกติแล้วจิตของมนุษย์ย่อมหาที่พึ่งได้ยาก  เมื่อจิตหาที่พึ่งไม่ได้  มันก็เกิดความกลัวแบบสุดขีด  จนทำให้ตัวสั่นระริก ทำอะไรก็ไม่ถูก สติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งเดียวที่เราจะระลึกได้ง่ายที่สุดก็คือ สิ่งใกล้ตัว  ยกตัวอย่างเช่น  พระเครื่อง เครื่องราง ผ้าประเจียด และชายผ้าถุงแม่ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่ว่าจะระลึกถึงอะไรได้ง่ายกว่า ก็จะระลึกถึงสิ่งนั้นก่อนเสมอ


ยกตัวอย่างอีกเรื่อง  ที่เกี่ยวกับการหาที่พึ่งของจิตใจ  เมื่อถึงยามวิกฤตชีวิต คือ มีทหารนายหนึ่ง อยู่ในสมรภูมิรบ อะไรประมาณนี้แหละ ด้วยเหตุที่เขากลัวข้าศึกมากจนหาที่พึ่งไม่ได้ นึกอะไรก็ไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี  ด้วยความกลัวอันสุดขีด ลองนึกภาพดูนะครับ ทหารนายนั้นก็ได้คว้าเอาอะไรบางอย่างโดยที่เขานึกว่าเป็นของดี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นคือ  " เขียด "  โดยที่เข้าใจว่าเป็นของดี แล้วยัดใส่ปากของตัวเอง  โดยปกติแล้ว เขียดเมื่อมันยังไม่ตาย มันก็ดิ้นอยู่ในปากของ ทหารคนนั้น ก็เลยเข้าใจว่าของดีที่ตัวเองอมอยู่นั้นกำลังแสดง " อิทธิฤทธิ์ " ก็เลยมีกำลังใจหึดสู้กับข้าศึกขึ้นมาอย่างไม่กลัวตาย สุดท้ายข้าศึกก็เผ่นหนีไป พอนึกได้ก็เลยคลายของดีที่ตนเองอมอยู่ออกมาดู ผลปรากฏว่า เป็นเขียด แค่ตัวเล็กๆนี่เอง  เห็นไหมล่ะครับว่า ความเชื่อนี้เป็น คุณสมบัติขั้นพื้นฐานเลยก็ว่าได้  ถ้าคนเราขาดความเชื่อและความศรัทธาแล้ว จะทำอะไรก็ไม่มีทางสำเร็จได้

ดั่งเช่นภาพข้างบนที่เป็นภาพ ตระกุดที่ทำจากผ้าถุงของแม่ ที่ บุญล้อม หนุ่มไทยที่ทำงาน ในประเทศ อิสราเอล ได้คล้องคอติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นกุศโลบายในการเตือนสติของตัวเอง ในยามท้อแท้ ก็จะได้ระลึกถึงคำสอนของ พระบิดามารดาของตัวเอง


ส่วนตัวของผู้เขียนเองคิดว่า เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะครับ  อย่างน้อยเราก็มีสิ่งระลึกและเตือนใจเราในยามที่หาที่พึ่งไม่ได้  ถ้าเรามีความเชื่อและความศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้ว ปาฏิหาริย์ย่อมมี  ย่อมเกิด  คล้ายกับคำดำรัสขององค์ สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า  [ธรรมะ ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเท่านั้น]


ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาอยู่พอสมควรสำหรับเรื่อง  " ชายผ้าถุงของแม่ "  แต่เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง  เรื่องมีอยู่ว่า  มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง  ชายหนุ่มคนนี้จะมีนิสัยชอบหาปลาเป็นนิสัย  แต่ด้วยเหตุที่เขาชอบหาปลานอกบ้านเป็นประจำ ชายหนุ่มผู้นี้ก็มักจะพกชายผ้าถุงของแม่ติดตัวของเขาไปด้วยเสมอ  ครั้งหนึ่งเขาได้นำของมีค่าติดตัวไปด้วย  ของที่มีค่าที่ว่านี้ก็คือ  เงินจำนวนหนึ่งที่ขายวัว ขายควายได้  คนสมัยก่อนมักจะเอาเงินพกติดตัวไปด้วยเสมอ  ข้อนี้ผู้เขียนก็ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด  ครั้งนั้นเขาได้ออกหาปลาตามลำห้วย  โดยมีแหเป็นเครื่องมือ  ด้วยความคิดที่ว่า  ถ้าเอาเงินและชายผ้าถุงแม่ติดตัวไปด้วย ก็กลัวว่าอาจเปียกนํ้าได้  พอคิดได้ดังนั้นก็เลยเอาห่อเงินและชายผ้าถุงของแม่  กองวางไว้บนคูคลองห้วย  ส่วนชายหนุ่มก็หว่านแหไปเรื่อยๆตามคลองห้วย หว่านไปเรื่อย ก็ไกลออกไปเรื่อย  จนใกล้จะถึงพบคํ่า  เขาก็นึกขึ้นได้ว่าหาปลาออกมาไกลจากห่อ เงินและชายผ้าถุงของแม่มากแล้ว


ก็เลยอยากกลับมาที่กองเงินและชายผ้าถุงแม่  ฝืนหาปลาต่อไปอีกอาจจะคํ่ามืดเสียก่อน หรืออาจมีคนมาขโมยห่อเงินและชายผ้าถุงแม่ก็อาจเป็นได้  ในขณะที่เขาเดินรัดเลาะมาตามลำห้วย  ก็เป็นเวลาใกล้พบคํ่าแล้ว  สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาชายหนุ่มก็คือ  มีภาพผู้หญิงแก่ๆชราคนหนึ่ง  เดินวนเวียนรอบๆบริเวณที่เขากองเงินและชายผ้าถุงแม่อยู่  พอเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็มีอาการตกใจ เขานึกในใจของเขาว่า  ยายแก่คนนั้นมาเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นทำไมน๊าา.... เขาคิดในใจว่าแบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้วล่ะ

ชายหนุ่มก็รีบเร่งฝีเท้าของเขาให้ถี่ยิบ  เพื่อจะรีบไปให้ถึงเหตุการณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ด้วยความเป็นห่วงทรัพย์สินของตัวเอง  เขารีบวิ่งแล้วร้องเสียงตะโกนดังรั่นว่า  ยายๆๆๆ  มาเดินวนไปมาอยู่ที่นั่นทำไม   พอสิ้นเสียงตะโกนจบลง ภาพของยายชะราแก่ๆคนนั้น  ก็หายไปพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างแปลกประหลาด พอชายหนุ่มเดินมาถึงตรงที่ที่เงินกองอยู่กับชายผ้าถุงของแม่  ผลปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่กองรวมกันไว้  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือหายไปไหนเลย


แม้แต่รอยฝ่าเท้าสักรอยก็ไม่ปรากฏมีให้เห็น  ชายหนุ่มก็เลยตั้งสติทบทวนดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น  พอนึกถึงภาพของยายชราแก่ๆคนนั้น ลักษณะรูปร่างสันฐานโดยรวมแล้ว  โอ้!..  ใช่เลย  นี่คือ แม่ของเรานี่เองที่ท่านเสียไปนานแล้ว   ในช่วงเวลานั้นยิ่งใกล้พบคํ่าแล้วทุกขณะ  ทำให้อดขนหัวลุกไม่ได้เลย  แต่ชายหนุ่มก็เริ่มเข้าใจในเหตุการณ์ดีว่า  เพราะความที่แม่เป็นห่วงสมบัติของลูกนี่เอง  แม่ถึงมาคอยสอดส่องดูแลกองเงินของลูก ที่วางไว้รวมกันกับชายผ้าถุงของแม่  เพราะด้วยความกลัวคนอื่นว่า จะมาขโมยกองเงินนั้นนี่อาจเป็นเหตุ ให้วิญญาณของแม่ ตามมารักษาทรัพย์สมบัติให้ก็อาจเป็นได้  ท่านก็เลยปรากฏร่างให้คนอื่นเห็นว่ายังมีคนเฝ้าของอยู่  เมื่อมีคนมองเห็นก็ไม่กล้ามาขโมยของนั้นไป

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  พระคุณของแม่นี้  กว้างใหญ่ไพลศาลนักหนา  หาที่เปรียบไม่ได้  ถึงแม้ท่านจะวายชน  แต่ด้วยความรักและเป็นห่วงลูก  วิญญาณของท่านยังตามสอดส่องลูกๆอยู่เสมอ  สุดท้ายนี้ผมขอให้ผู้อ่านทุกคน  รักแม่  มากๆๆๆ นะครับ.....

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น