กรุวัดบ้านกลิ้ง จ. อยุธยา ที่จริงแล้วพระองค์นี้เป็นพระขุนแผนเคลือบนํ้ายาสีเหลืองเหมือนองค์อื่นๆ แต่องค์นี้จะมีความพิเศษกว่าองค์อื่นตรงที่ พระองค์นี้มีการลงรักชาติปิดทองด้วยครับ ส่วนด้านหลังขององค์พระก็จะเป็นหลังแบบลายมือครับ หรือที่คนรุ่นเก่าท่านนิยมเรียกว่าหลังแบบ "อังคุตร" (นิยม) ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นว่าลายมือของคนโบราณจะลายเส้นใหญ่กว่าคนยุคปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการพิจารณาแบบง่ายๆ ก็เหมือนกันกับพระผงสุพรรณเรามักจะเห็นลอยนิ้วมือปรากฏอยู่ด้านหลัง <<< แต่ถ้าเราสังเกตุให้ดีจะเห็นว่าลอยนิ้วมือจะใหญ่กว่าลอยนิ้วมือของคนในยุคปัจจุบันอย่างมากเลย>>> จนกระทั่งมีคนที่ทำพระผงสุพรรณปลอมในยุคก่อนต้องใช้หัวแม่เท้าของตัวเองกดลงด้านหลังของพระผงสุพรรณนั่นเองถึงจะดูลายเส้นใหญ่เหมือนคนโบราณ เพราะคนโราณยุคก่อนมีรูปร่างใหญ่มากครับ แต่ที่จริงแล้วคนส่วนมากใครหล่ะจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ถ้าไม่ใช่ผู้ใฝ่รู้จริงๆ แต่ผมเชื่อว่าต้องมีผู้รู้เรื่องในลักษณะเช่นนี้อยู่เช่นกัน เห็นไหมล่ะครับ แค่เราเข้าใจเรื่องลายนิ้วมือแค่นี้เองก็ทำให้เราหายสงสัยกันได้ตั้งเยอะเลย ถ้าเราสังเกตุดูดีดีแล้วก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยครับว่าใหญ่จริงๆ แล้วคราบที่ติดอยู่ด้านหลังขององค์พระ บางคนสงสัยว่าน่าจะทำคราบเอง บางคนก็บอกว่าเป็นคราบปูน มีหลายความคิดเห็นมากครับ แต่ฟังดูแล้วก็ตลกดีนะครับ เพราะความไม่เข้าใจนั่นเอง ผมจะเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานนะครับ นี่แหละครับที่คนรุ่นก่อนท่านเรียกว่าไขดิน แล้วก็มีคนสงสัยอีกว่าไขดินมันคืออะไรอีก ไขดินก็คือ ในโลกของเราเนี่ยมันอุบัติขึ้นมานานหลายล้านปีแล้วแหละแต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่านานเท่าไหร่แล้ว แต่ที่แน่ๆก็มีซากพืช ซากสัตว์ และซากสิ่งมีชีวิตต่างๆได้ตายทับถมกันมานาน มากจนบางแห่งเกิดเป็นนํ้ามัน บางแห่งก็เป็นก๊าซทำธรรมชาติ แล้วไขดินก็คือ ไขมันของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งน้อยใหญ่ที่ตายทับถมกันเป็นเวลานานแสนนานมากๆ วิธีสังเกตุง่ายๆให้ดูในช่วงที่มีนํ้าท่วม เวลานํ้าลดท่านจะเห็นคราบไขดินที่ละเอียดจะจับตามกระจกบ้าง ตามเสื่อนํ้ามันบ้าง ท่านลองเอามือไปถูดูจะเป็นฝุ่นละเอียดมาก ละเอียดแบบแป้งที่เราใช้ทาเลยครับ และมักจะมีกลิ่นหอมนวลคล้ายๆกลิ่นไอดิน ในช่วงต้นฤดูฝนเลย ลักษณะที่บรรยายมานี้แค่นํ้าท่วมสามถึงสี่วันก็จะปรากฏไขดินในลักษณะเช่นนี้ครับ ***แล้วให้จินตนาการนึกภาพดูว่าพระที่อยู่ในกรุทั้งร้อนอบอ้าว กาลเวลาหลายปี แถมยังมีนํ้าท่วมขลังอยู่ ทำไมไขดินที่เกิดขึ้นในพระกรุจึงมีความแข็งแกร็งมาก แต่เมื่อเราแกะทำไมมีความแข็งแกร็งก็เพราะว่าไขดินใช้เวลาทับถม สะสมมาเป็นเวลาหลายปีและบวกกับความร้อนเย็นที่อยู่ในกรุ ก็เลยทำให้ไขดินมีความแข็งตัวมากเป็นพิเศษ มีความแข็งแกร็งคล้ายกันกับหินปูนเลยครับ แต่เมื่อเราบดขยี้ด้วยของแข็งก็จะกลายเป็นฝุ่นแป้งละเอียดมากเลย นี่เป็นหลักความจริงที่คนส่วนมากไม่ค่อยรู้จัก เมื่อเห็นพระมีคราบในลักษณะที่กล่าวมาก็เข้าใจว่าของเก๊ โดยที่ไม่มีความรู้ในเรื่องไขดิน กระผมก็ได้อธิบายมาพอสมควรแล้ว ไว้โอกาสหน้าจะหาเกร็ดความรู้ใหม่ๆมาฝากนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น